เพิ่งกลับจากทริปภูเขาเมื่อวันก่อน ที่จริงแพลนจะไปแค่ 23-25 ตค และแค่เขาค้อเท่านั้น แต่ดันไปนั่งรถคนร้อนวิชากับคนชอบเที่ยวเลยต้องจับพลัดจับผลูไปภูทับเบิกซะอีก 1 คืนโปรแกรมวันหยุดเลยเปลี่ยนแปลงหมดเลย -_-" แต่ก็ไม่เป็นไร คนโสดทำอะไรก้อได้นี่นะ ๕๕๕ แต่ถึงงั้นก็เหอะมันก็อดไม่ได้ที่จะแจ้งให้บุคคลสำคัญทั้งหลายทราบโดยทั่วกัน ว่าท่านไม่สามารถติดต่อข้าพเจ้าได้เพราะไม่มีคลื่น บ่ใช่ ปิดเครื่องหนี หรือตกเขาตายแต่อย่างใดคือเค้าอยากรู้หรือเปล่าไม่รู้แหละ แต่เราอยากบอกอ่ะ
จากตอนแรกเขาค้อที่ไม่มีความหนาวเอาซะเลย มีอากาศเย็นนิดหน่อย ตอนวันที่ 2-3 ที่มีฝนตกแล้วลมแรงมากๆ เท่านั้น แต่รวมๆ แล้วก็เหงื่อซึมน่ะแหละ ไปท่องเที่ยวก็หลายที่อยู่ เดินทางช้าเพราะขบวนตั้ง 21 คัน ที่จริงมีแฝงเป็น car pull อีกไม่น่าจะต่ำกว่าครึ่งนึงล่ะมั๊ง ถ้ามาหมดก็คงไม่ต้องไปไหนกันพอดีพี่ลอเจ้าถิ่นก็พยายามอัดโปรแกรมเที่ยว ด้วยคำว่า "2 กิโล" ตลอดกาลไม่ว่ามันจะไกลสักแค่ไหน แต่ก็สนุกดีนะ เหนื่อยนั่งรถแต่ก็มีอะไรทำไม่งั้นคงนั่งเซ็งอยู่กรุงเทพคนเดียวเขาค้อวิวสวยทีเดียว ถ้าเป็นคน "รัก" ธรรมชาติก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้ เราเองน่ะแค่ "ชอบ" มันก็เลยไม่ได้อินสักเท่าไหร่ ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศแล้วก็มีเพื่อนคุยมันก็โอเคอยู่นะ
วันแรก กินข้าวกลางวันที่วิเชียรบุรี ไก่ย่างร้านอะไรสักอย่างนี่แหละ เปลี่ยนจากร้านเดิมเพราะคนเยอะจัด หาที่ลงกันไม่ได้ และเค้าไม่รับจองวันหยุดด้วยรสชาติก็งั้นๆ ออกเดินทางต่อสู่มิตซูฯ เพชรบูรณ์ ช่วยโฆษณาให้ด้วยการขับรถวนรอบเมืองก่อน 1 รอบ (เพื่อไรวะเนี่ย) แล้วก็ต้องไปนั่งหง่าวรอรถเสียอยู่คันนึง กว่าจะออกเดินทางอีกทีก็เย็นย่ำ แวะกินกาแฟที่ Coffee Hill ซะก่อน 1 รอบ บรรยากาศเริ่มเย็นๆ แต่แป๊ปเดียวก็มืดแล้ว ก็ย้ายขบวนกันต่อไปยังโรงแรม
เก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้วก็ออกไปกินข้าวกันสถานที่ก็ดีนะ เหมือนจัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำเล็กๆ นั่งฟังเพลงชิลชิล คิดถึงใครบางคน พอโทรไปหาเค้าก็ร้องไห้ซะ 1 รอบ ก่อนจะทนความงี่เง่าของตัวเองไม่ไหวต้องห้ามใจตัวเองซะอีกกลับไปก็นั่งเขียนไดอารี่อยู่คนเดียวจนง่วงถึงจะนอน
วันที่สอง ตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่า เพราะรูทเมทมันดันไม่อาบน้ำอีกรอบตอนเย็นเลยรวบมาอาบเช้า แล้วก็ต้องตื่นมาอาบต่อจากมัน เดินออกไปดูลมยามเช้า กว่าจะออกไป coffee hill อีกครั้งเพื่อไปถ่ายรูปทะเลหมอกที่เห็นเป็นหย่อมๆ เท่านั้นแล้วก็กลับที่พักล้างหน้าล้างตา ไปกิน ABF ก่อนจะรวมตัวไปทำกิจกรรมภาคเช้าอีกที ไปไหว้พระธาตุ (ชื่อไรไม่รู้) ตีระฆังแถวยาวๆ แล้วก็ไปน้ำตกศรีดิษฐ์ จากนั้นข้าวกลางวันที่ไร่จันทร์แรม บรรยากาศดีมากอาหารก็อร่อย ^^
สาหัสที่สุดก็ทับเบิกนี่แหละ มาตัดสินใจกันที่ปั๊ม LPG ตอนเกือบ 5 โมงเย็น กว่าจะขับขึ้นเขาอากินะไปถึงด้านบนตรงโค้งกะหล่ำก็เย็นย่ำแล้ว แต่ก็มีความสุขกับอากาศเริ่มเย็นสมใจพบพลบค่ำเท่านั้นแหละ หมอกหนามาก..ก มืดก็มืด คน 9 คนกะไก่ทอด+ข้าวเหนียว นั่งให้ลมโกรกจนแฉะไปทั้งหัว มันก็สะใจไปอีกแบบนึงนะ สงสารก็แต่พี่ป้อม หนุ่มใหญ่เป็นเก๊าส์แต่ต้องกินไก่เพราะไม่มีทางเลือกยิ่งดึก ลมยิ่งแรง พอฝนตกอีกยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ตัวชื้นๆ เขาไปหลบฝนในร้านขายของ รู้สึกเหมือนอยู่ในหนังเรื่อง The Mist เลยอ่ะเต้นท์ที่จองเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ เพราะฝนตกจนดินแฉะขืนยังดิ้นรนจะไปนอน นอกจากจะต้องเดินขึ้นเขาเละๆ มืดๆ แล้ว อาจต้องนอนพื้นเปียกๆ ให้ปอดบวมอีกด้วย
ในที่สุดก็คิดกันได้ว่านอนในรถนี่แหละเข้าท่าสุดแล้ว มี 9 คนกะรถ 3 คันแบ่งๆ กันไป3คู่ กับ 3ตัวเกิน (เราก็หนึ่งในสามนั่นแหละ) หยกกับออยมีเรือกลไฟอย่างพี่ป้อม พี่วัสกับอ้อมก็มีพี่ต้นรัก ส่วนเราไปเป็นพยานรักของพี่หนึ่งกับพรรณ เห็นเค้านั่งลูบหัวกันในรถ เฮ้อออ เมื่อไหร่จะมีอย่างนี้กะเค้ามั่งนะเราไม่น่าเชื่อ แต่รถที่แง้มหน้าต่างนิดๆ สามารถทำให้คน 3 คน โคตรหนาวได้เลย ก็ทั้งลม ทั้งฝนสาดซัดเข้าไปทั้งคืนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน ทั้งไม่สบายตัว ทั้งหนาว ไม่ได้ทรมาณอย่างนี้มานานมากแล้วนะเนี่ย แต่ก็ดีใจที่มีชีวิตรอดอยู่ได้ 555
วันที่สามตื่นเพราะทนปวดฉี่ไม่ไหว อั้นมาตั้งแต่ตีสองจนสว่างนั่นแหละถึงจะกล้าเดินออกมาจากรถทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกมานั่งตากน้ำค้างกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะได้โอวัลตินร้อน กับโจ๊กคัพ ช่วยชีวิตไว้นั่งดูฟ้าอยู่ 2-3 ชั่วโมงไม่มีทีท่าจะดีขึ้นเลย ก็เลยเตรียมพร้อมออกเดินทางไปสู่ยอดเขา ซึ่งไปถึงก็เจอแต่หมอกๆๆ ลมๆๆ และผัก!!
ฟักแม้ว กะหล่ำ แครอต มีอยู่ 3 อย่างนี่แหละที่ขายมันทุกร้าน
ไปยืนตากลมถ่ายรูปกันพักนึง จนท.เค้าก็บอกว่าไปต่อไม่ได้ เพราะรถเก๋งไม่สามารถผ่านทางที่เป็นหลุมลึกระดับศอกไปได้ถ้าจะไปภูหินร่องกล้าต้องลงเขาไปเพื่อไปขึ้นจากอีกทางหนึ่ง ในที่สุดก็ลงมาตกลงกันข้างล่างว่ากลับดีกว่า (เห็นด้วย!!!)
ขากลับแวะกินไก่ย่างที่วิเชียรฯอีกที แล้วก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ ระหว่างทางท็อปปิกในการคุยเป็นเรื่องของพี่เจตกะพี่ฝ้ายซะเป็นส่วนใหญ่ไม่อยากเชื่อว่าพี่เจตจะมีคนอื่น ส่วนพี่ฝ้ายก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเลิกโหดแล้วปล่อยให้เลือกเลย พอมีลูกแล้วความคิดก็เปลี่ยนนะผู้หญิงรักลูกมาก จะฆ่าผู้ชายตายก็กลัวว่าลูกจะไม่มีใครเลี้ยง ส่วนพ่อมันติดหญิงจนลืมลูกแล้วมั๊งเนี่ย เฮ้อ..อ
พี่ป้อมบอกว่า ผู้ชายแคร์เรื่อง sex มาก เมื่อภรรยาไม่ยอมมีอะไรด้วย แต่มีผู้หญิงอื่นมาติด มันก็เลยไปผูกพันทางโน้น
เรื่องมันเศร้าเนอะ สุขเพราะรัก แล้วก็ทุกข์เพราะรัก..
วันอังคาร, ตุลาคม 28, 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น