ช่วงนี้กำลังเผชิญกับเรื่องราวหนักๆ ในชีวิตอยู่ ก็เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะออกจากกะลาเสียที มันก็เลยมีอุปสรรคต่างๆ นานามาทดสอบความกล้าล่ะมั๊ง ยอมรับว่าเหนื่อยกายและเหนื่อยใจสุดๆ กำลังใจมันก็มีบ้างหดบ้างเป็นบางเวลา แต่ไหนๆ ก็คิดจะเคลียร์ชีวิตทั้งทีแล้ว ก็อยากจะจัดการความสัมพันธ์ที่มีให้มันเรียบร้อยไปเลยในทีเดียว ในเมื่อวันนี้ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังมานานก็จบไปแล้ว (มั๊งนะ..อย่างน้อยก็กับเราเอง) ตอนนี้ก็เลยอยากรู้จุดยืนของตัวเองให้ชัดเจนแน่นอนว่าจะปฏิบัติอย่างไรกับใคร เมื่อไหร่ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาคิดไปเองคนเดียวอีกต่อไป
เกือบสองปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่อยู่ในกะลา ได้แต่หวังกับตัวเองว่าสักวันเราคงมีความกล้าพอที่จะตัดขาดกับความสัมพันธ์ที่เรารู้สึกตัวได้แล้วว่ามัน "ไม่ใช่" รังแต่จะนำมาซึ่งความอึดอัดใจ อยากที่จะเริ่มต้นใหม่กับคนที่เราคิดว่าเค้ารักและพร้อมจะดูแลเราตลอดไป อย่างที่เค้าเคยพูดคำสำคัญกับเราถึงสองครั้ง เพื่อให้เราเชื่อ และมั่นใจว่าเค้าคิดและตั้งใจแบบนั้นจริงๆ แต่ในวันนั้นเราตัดสินใจได้ไม่ดีเลย เพราะความสงสาร ทำให้เราตัดไม่ขาด ทำให้ทุกอย่างมันอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ เพียงเพราะ "ความไม่กล้า" นั่นเอง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้แต่คิดหวังไปเองว่าเค้าคงยังไม่มีใคร และใจเค้ายังคงเหมือนเดิม ฟังดูอาจเป็นละครไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็มีความสุขที่ฝันไปอย่างนั้น ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น ไม่อาจรู้ได้เลยว่าความรักนั้นจะยังคงอยู่หรือไม่ หรือมันจะยังเหลือแต่ความรู้สึกดีๆ ความห่วงใยและความผูกพันที่มีต่อกัน ..หรือเปล่า.. ได้แต่คิดเช่นนั้นอยู่ในใจทุกวัน
ในที่สุดวันที่เราตัดสินใจเด็ดขาดก็มาถึง ท่ามกลางความเสียใจ ความเจ็บปวด และความกลัว กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เพียงแค่โทรศัพท์เค้าคนนั้นก็มาดูแลช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งได้ในยามต้องการใครสักคน
ในวันนั้นเราได้พบกับเค้าอีกครั้งด้วยหัวใจที่พร้อมจะสานต่อความรักที่ห่างหายไป แต่ความรู้สึกลึกๆ ที่เราสัมผัสได้มันไม่เหมือนเดิมสังเกตได้จากการพูดคุย เหมือนเค้าพยายามเลี่ยงที่ตอบคำถามในเรื่องความรู้สึกของเค้า คงเพราะไม่อยากให้ความหวังและไม่อยากให้เราเสียใจแต่เราก็ต้องการจะรู้ให้ได้ มันเหมือนมีอะไรค้างคาในใจ ยิ่งในช่วงที่ต้องการเคลียร์คัตอย่างนี้ ยิ่งต้องการจะรู้ความคิดในใจจริง จนในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่คิดมาตลอดเกือบสัปดาห์
คำตอบที่ได้รับมันไม่บวก แต่ก็ไม่ลบเสียทีเดียว แม้ว่าจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรนัก รู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่เค้าพูดตรงๆ แต่ก็ยอมรับว่าเสียใจ ความรู้สึกมันสับสนปนเปไปหมด
เมื่อคืนนี้นั่งคิดอยู่นาน หลังจากที่ได้ถามความรู้สึกของเค้า และได้คำตอบมาว่าความรู้สึก "รัก" ที่เค้ามีต่อเรามันไม่เหมือนเดิม ความเจ็บปวดที่ได้รับกับเวลาเกือบ 2 ปี มันทำให้ความรู้สึกจางลงไปมาก แต่ความห่วงใยยังคงมีให้เสมอ ได้ยินอย่างนั้นก็เศร้าไปพักใหญ่ เงียบ แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญอะไร พยายามจะยอมรับความจริงที่เราเป็นคนทำให้เค้ารู้สึกอย่างนั้นเอง
โอเค.. เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นจากนี้ไปเราจะแสดงออกให้น้อยลงกว่าเดิม คิดแล้วก็รู้สึกอายตัวเองที่เปิดเผยความต้องการออกไปอย่างนั้น ต่อไปจะไม่อ่อนแอและอ่อนไหวให้ใครเห็นอีก ในเมื่อรู้แล้วว่าเค้าไม่ได้คิดเหมือนกับเรา เราก็ควรจะสำรวมกิริยา วาจาให้มากกว่านี้
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะรักเค้าแค่ไหน แต่เราจะไม่เอ่ยมันออกมาอีกแล้ว จนกว่าเค้าจะเป็นคนพูดคำนี้กับเราอีกครั้ง เค้าเคยเสียเวลา เสียใจ เพราะเรามาเยอะแล้ว มันก็ไม่แปลกอะไรที่ความรู้สึกมันจะถอยห่างออกมาจากเมื่อวันนั้น คราวนี้คนที่ต้องรอคอยคงเป็นเราแล้วล่ะค่ะ แต่ผลจะเป็นยังไงทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกัน
ไม่รู้สินะ คิดไม่ออกเหมือนกันว่า วันหนึ่งเราจะกลายเป็นคู่กัน หรือจะกลับมาเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเมื่อก่อน..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น