คงเพราะผู้ชายมาจากดาวคนละดวงจริงๆ ล่ะมั๊ง ถึงได้รู้สึกว่าคุยกันเหมือนอยู่บนสายไฟคนละเฟสอย่างนี้
เวลาที่คนถามอะไรสักอย่าง ถ้าไม่ต้องการคำตอบแล้วจะเอ่ยปากถามไปให้เสียน้ำลายทำไม??
มันยากนักหรือไงที่จะเอ่ยคำแค่2 พยางค์ที่ใช้แทนความในใจ "คิดถึง" แค่เนี้ย!!! แล้วยิ่งถ้ามันเป็นสิ่งที่คิดอยู่ในใจอยู่แล้วด้วย มันไม่ควรจะต้องใช้ความพยายามในการพูดมากนักใช่ไหม
"ไม่ได้คิดถึงเลย พอทำงานก็ไม่ได้คิดอะไร ทำเสร็จก็กลับ"
ประโยคสั้นๆ เนี่ยนะ ..ถ้าไม่ใช่คนพิเศษก็คงไม่คิดอะไรมากหรอก เออ.. ก็เรื่องของเมิง ไม่คิดก็ไม่คิด แต่ไอ้คนที่ตอบนี่ดันเป็นคนที่เราคิดถึงตลอดทั้งวันน่ะสิ ก็แล้วมันผิดหรือไงที่คาดหวังว่าคนที่รักกันก็น่าจะมีความคิดคล้ายๆ กันบ้างน่ะ ฟังแล้ว..หมดเลย.. พลังงานที่ยังเหลือยู่จากกิจกรรมภายนอกทั้งวัน
ถ้าทรุดลงไปกองได้มันก็คงลงไปแล้วล่ะ แต่บังเอิญว่านอนอยู่ ไอ้ที่ร่วงมันเลยเป็นน้ำตาอย่างเดียว
เออ.. นี่ตกลงว่าชั้นรักเค้าข้างเดียวใช่ไหม??
มันมีคนรักกันชาติไหนที่ไม่คิดถึงกันเพราะทำงานอยู่กันยะ!!
พอเราเสียใจ ก็ถึงจะมาบอกว่าก็แกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะรู้ว่าอยากได้ยินอะไร ก็ คนมันโรคจิตอ่ะ
เออ.. ก็คงใช่แหละ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้น ตั้งใจทำทั้งที่รู้ว่ามันจะทำให้คนที่ตัวเองเคยบอกว่ารักต้องเสียใจ
ตบหัวเสร็จก็ลูบหลังต่อ.. ชอบบอกเสมอว่า "ทำไมไม่ดูจากการกระทำล่ะ ถ้าไม่คิดถึงจะโทรหามั๊ย"
อืม.. โทรหาก็จริงอยู่ แต่คุณก็ไม่ได้แสดงให้รู้เลยนี่ว่าโทรมาเพราะคิดถึง ไม่ใช่เพราะมีธุระน่ะ
เคยคิดบ้างไหมว่ากว่าจะทำให้เข้าใจได้ ก็เมื่อนึกไปเสียแล้วว่าเค้ารู้สึกอย่างที่พูดออกมา แล้วก็เสียใจไปเรียบร้อยแล้ว การฉุดคนที่เสียใจให้มีกำลังใจ กับการให้กำลังใจคนที่ยืนอยู่ อันไหนมันจะใช้พลังงานมากว่ากัน
ถ้าจะคิดรักษานิสัยอย่างนั้นไว้แล้วให้คนรักต้องชินไปเอง
สงสัยคงได้เสียใจกันอีกนาน
วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 10, 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น