วันจันทร์, ธันวาคม 24, 2550

ควัน.. หรือ เผา รักแห่งสยาม..

วันนี้อารมณ์กรึ่มๆ (แล้วมันเป็นไงฟะ ไอ้กรึ่มๆ เนี่ย -_-?) เอาเป็นว่าเกิดอารมณ์ศิลปินหน่อยๆ ยังแฮงก์มาจากหนังเมื่อสัปดาห์ก่อน (ที่จริงเขียนถัดจากวันที่ไปดู แต่ไม่ได้เอามาลงอ่ะ) "รักแห่งสยอง...ง" เอ๊ย สยามหนังที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรก่อนไปดูเลยแม้แต่น้อย จำได้แค่เพียงว่าหนังชื่ออะไร 555

ฟังจากชื่อหนัง ไอ้เราก็คิดว่ามันน่าจะเป็นหนังประมาณว่า รักชาติ หรือไม่ก็ หนังโบราณ สมัยที่เค้าเรียกประเทศไทย ว่า สยามประเทศ (เอ้า! พูดจริงๆ นะ ตอนแรกคิดประมาณนั้นเลย)จองตั๋ว (ตัวเองฟรี มี สะ-ปอน-เซ่อ) ได้ ก็ชิล.. ชิล.. เหลือเวลาอีกตั้งนานเกือบสองชั่วโมง ก็เลยลงไปซื้อของแสดงความยินดีให้ผู้ใหญ่..เสียตังค์แล้วสบายใจ T_T (ตรงไหน)จากนั้นก็ไปกินข้าว

เหตุผลที่อยากมาดูหนังที่นี่ เซ็นทรัลลาดพร้าว ไม่ใช่แค่มันใกล้อย่างเดียว แต่เพราะเจ้าวาฟเฟิลใส่ครีมของ Little Home ต่างหาก อยากกินชนิดที่ฝันถึงเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้กินอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะกว่าจะกินข้าวเสร็จก็เหลือเวลาอีกสิบกว่านาทีเท่านั้น อีกทั้งยังอิ่มข้าวอีกต่างหาก ก็เลยได้คิดไปแค่เสี้ยวกว่าๆ พอหอมปากหอมคอ แหะ..แหะ..รู้สึกตัวอีกที เฮ้ย! ได้เวลาฉายแล้วนี่หน่า จ่ายตังค์เสร็จก็รีบโกยทันที ..
...
.......
ไปถึงโรงหนังก็จ้ำๆๆ เข้าไป ผ่านขาคนตั้งมากมาย (ก็เจือกเลือกซะกลางโรงเลยนี่หว่า ดันเข้าไปสายอีกต่างหาก) ต้องใช้วิทยายุทธอย่างมาก ไม่ว่าจะการกระดื๊บๆ ในทางแคบ การทรงตัวในลักษณะที่ไม่บาลานซ์ การกระโดดด้วยขาข้างเดียว กว่าจะถึงที่นั่ง ไอ้ F อะไรสักตัวนี่แหละ จำไม่ได้ เล่นเอาเซถลาไปถึงเก้าอี้เลย เหนื่อยฉิบ! จะว่าไปไอ้คนที่มันมาก่อน มันก็คงรำคาญเราเหมือนกันล่ะ ประมาณว่าไอ้ VEN นี่ มาทีหลัง แต่ได้ที่ดีกว่าตรู 555

เอาล่ะ มาเรื่องหนังต่อดีกว่า..


คุณเคยมีความรักหรือไม่.. และความรักแบบไหนที่เกิดขึ้นกับคุณ.. อีกไม่นานทุกคำตอบจะเกิดขึ้นกับทุกหัวใจ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลจะพาความรักหลากหลายรูปแบบที่ถูกโยงใยโดยมิตรภาพ และถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงรัก ที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับช่วงเวลาอบอุ่น ในภายนตร์รักแห่งปี "รักแห่งสยาม" .... บลา..บลา..บลา.. (ต่อจากนี้เริ่มโฆษณาเยอะละ)แค่คำโปรยของหนังก็กระตุ้นต่อมอยากรู้ (คนละอันกับต่อม เสื...ก) ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงหนอ มันจะเหมือนกับที่เคยรู้สึกหรือเปล่านะ เริ่มคิดละว่าต้องไปดูซะหน่อย นี่แค่ตัวอักษรนะยังไม่ได้เห็นโปสเตอร์หนังที่มีหน้าใสๆ หล่อๆ ของสองหนุ่มตัวเอกของเรื่องโต้ง (มาริโอ้) หนุ่มหล่อที่มีแววตาเศร้าๆ ชวนค้นหา และมิว (พีช) หนุ่มน่ารักผู้มีรอยยิ้มหวานๆ กับสองสาวหน้าตาดี

เมื่อมีความรัก..ย่อมมีความหวัง รักแห่งสยาม ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความรักที่เกิดขึ้นกับหลายชีวิต หลายกลุ่มคน ที่เกาะเกี่ยวและโยงใยกันอยู่ในรูปแบบของความรักที่แตกต่าง ความสำคัญของความรักต่อการมีชีวิต ถ้าเราไม่กินข้าวเราตาย แต่ไม่มีความรักเราอยู่ได้ แล้วชีวิตจะเป็นยังไงถ้าไม่มีความรักเลย ก็คงจริงอย่างกวีบอกไว้แหละนะ เมื่อเกิดความรักก็ย่อมมีความหวัง หวังที่จะได้รัก หวังที่จะได้อยู่เคียงคู่กับคนที่เรารัก และหวัง.... (เอ่อ..อย่าเพิ่งคิดมาก เหมือนที่เราคิดเมื่อกี้นะคือตอนแรกนึกไม่ออกเลยจุด..จุด ไว้ก่อน กลับมาอ่านอีกทีสะดุ้งเลยเหมือนกัน เพราะมันดูสองแง่สองง่ามไปนิด) อย่างที่เคยเรียนกันมา เราทุกคนต่างรู้ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม"และเพราะคำว่า "สังคม" ทำให้คนเราต้องมีการติดต่อสื่อสารกันตลอดนับจากวินาทีแรกของชีวิตจนกระทั่งลาจากโลกนี้ไป และเมื่อเราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นรอบข้าง "ความรัก ความผูกพัน" ก็ย่อมเกิดขึ้นและดำเนินไป "ความรัก" จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับมนุษย์ แม้ว่าการขาดความรักจะไม่ทำให้ตายทันทีเหมือนกับการหยุดหายใจ หรืออดข้าว แต่ความทรมาณของคนที่ขาดรักมันเจ็บปวดลึกอยู่ในใจไม่น้อยไปกว่ากัน เหมือนที่เค้าพูดกันว่า "ตรอมใจ" นั่นแหละ แล้วชีวิตจะเป็นยังไงเมื่อขาดความรัก ไม่รู้สินึกไม่ออกเหมือนกันไม่มีความรัก อยู่ไปให้หมดวันๆ หนึ่งน่ะหรือ เพื่ออะไร?

รักแห่งสยาม สยามสแควร์ สถานที่ในความทรงจำของหลายๆ คน แต่ละคนก็มีประสบการณ์กับในสยามต่างๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นการพบรัก หรือบอกเลิกกัน มีความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในที่แห่งนี้มีทั้งความสุขที่เราเคยหัวเราะ หรือความเศร้าจนต้องร้องไห้ ยิ่งได้บรรยากาศของลมหนาว สีสันของเทศกาลคริสมาสต์ การตกแต่งประดับประดาด้วยดวงไฟ ทำให้สยามยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าฤดูใดๆ แม้ว่าเราเองจะไม่ใช่สิงห์สยามสแควร์ แต่ก็เคยแวะเวียนผ่านไปหลายครั้งหลายครากับเพื่อน (หลายกลุ่ม) และไม่ใช่เพื่อน (คิดล่ะสิว่าใคร!) มีความทรงจำกับที่นี่ไม่น้อยทีเดียวความสุขเมื่อนัดเจอเพื่อน ได้เดินเล่น นั่งคุยกัน หรือความทุกข์ ที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือแม้แต่ได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง (ที่ไม่น่ารู้เลยจริงๆ) ฤดูร้อนกับการรับน้องสตาฟ ฤดูฝนกับวันที่วิ่งหลบฝนและน้ำท่วม และฤดูหนาวกับไฟประดับสวยงาม

อยากให้รู้ว่า.. เพลงรัก..ถ้าไม่รักก็เขียนไม่ได้..มีอีกหลายประโยคจากในหนัง รวมทั้งบทสัมภาษณ์ที่ฟังแล้วติดใจ แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เพราะงั้นอยากรู้ต้องไปดูเองค่ะ ^_^

เนื้อเรื่องย่อพอเข้าใจ“โต้ง” (มาริโอ้ เมาเร่อ) เด็กชาย ม. 6 หน้าตาดี มีแฟนสวยเสียจนเพื่อนๆ และผู้ชายทั้งสยาม สแควร์จะต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าความสดใสและน่ารักของ “โดนัท” (อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) สำหรับโต้ง เริ่มจะกินไม่ได้เสียแล้ว โต้งเริ่มตีตัวออกห่างโดนัทและเริ่มค้นหาคำตอบให้กับชีวิตตัวเอง ในขณะที่ “มิว” (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) เด็กชายวัยเดียวกันผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีก็กำลังทุ่มเทความรักให้กับเสียงเพลงและวงดนตรีของตัวเอง มิวเป็นเด็กผู้ชายขี้เหงาที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานแสนนาน ตั้งแต่อาม่าตายจากไป

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับโจทย์ “เพลงรัก” ที่มิวต้องแต่งให้กับ ”วงออกัส” เพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลงใหญ่ ....ในเวลาเดียวกับที่ “หญิง” (กัญญา รัตนเพชร์) เพื่อนบ้านของมิวก็คอยให้กำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่างๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย ....และแล้ววันหนึ่ง สยาม ก็เป็นที่ที่ทำโต้งและมิวก็ได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานานตั้งแต่โต้งย้ายบ้านไปตอนเด็ก มิวแนะนำโต้งให้รู้จักกับ จูน (พลอย เฌอมาลย์) คนดูแลวงดนตรีของมิวที่หน้าตาเหมือนกับ แตง พี่สาวของโต้งที่หายตัวไปสมัยที่เขายังเด็ก โต้งจึงคิดแผนให้แม่ “สุนีย์” (สินจัย เปล่งพานิช) จ้างจูนปลอมตัวเป็นแตงเพื่อมารักษาอาการติดเหล้าให้กับพ่อ “กร” (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี)และแล้ววันคริสมาสก็ใกล้เข้ามา คอนเสิร์ตใหญ่ที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า วงออกัสจะได้เปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก มิวจะตัดสินใจอย่างไร แล้วใครจะเป็นผู้จับไมค์ร้องเพลงรักที่มิวเขียนขึ้น เรื่องราวจะลงเอยยังไงคงต้องไปหาคำตอบเองล่ะค่ะ

เพลงประกอบหนังเรื่องนี้เพราะมาก ยิ่งได้เห็นบรรยากาศของคริสต์มาสแล้วยิ่งอินไปกันใหญ่จะบอกว่าเราชอบเสียงที่ร้องโดยน้องนักแสดงมากกว่าเสียงนายคิวซะอีกนะ เสียงแหบๆ ของหนุ่มน้อย ฟังแล้วเหมือนว่าเค้าทุ่มเท เต็มที่กับเรื่องราวมากกว่านักร้องอาชีพที่ไม่ได้แสดงเอง

ไม่มีความคิดเห็น: