อีกแล้วสินะ ที่รู้สึกเศร้าๆ แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร จะว่ามันไร้เหตุผลก็ไม่เชิงนะ แต่มันเป็นเรื่องเดิมๆ ที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักทีมากกว่าพอคิดว่าตัวเองจะตัดสินใจได้ ก็กลับมีเหตุที่ทำให้ต้องยั้งการกระทำไว้ก่อน ผ่านมาสักพักก็กลายเป็นหนี้บุญคุณกันอีกทั้งที่ตอนแรกก็ยังเอาใจตัวเองออกห่าง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่คิดถึงใจเขาใจเรา แต่ในวินาทีที่เรากำลังแย่เค้าก็อยู่ดูแลโดยไม่รังเกียจมันก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งถึงสิ่งที่ได้รับมาถ้าเราเป็นคนใจร้ายที่ทำอะไรเพื่อประโยชน์ของตัวเองได้โดยไม่ต้องนึกถึงใจคนอื่นมันก็คงจะดีสินะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเครียดอยู่คนเดียวอย่างนี้
เฮ้อ..รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเครียด เราเองก็ยิ่งจะแย่ กับสิ่งที่เป็นอยู่ความเครียดมันเป็นอาหารชั้นดีเลยทีเดียว ถึงแม้จะกินยาเม็ดละเป็นสิบเป็นร้อยก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรหากเรายังเป็นอย่างนี้อยู่คนประเภทที่รู้แล้วยังทำ เค้าเรียกว่าอะไรนะ ....
เกือบปีที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นกับชีวิตเรามากมาย มากเสียจนบางทีก็รับไม่ทัน บางครั้งถึงกับเสียศูนย์ไปเลยก็มีเรื่องหนักๆ ในรอบปีนี้ก็คือ "ปัญหาสุขภาพ" อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พูดได้ว่าตั้งแต่เกิดจนถึงปีนี้ไม่เคยมีครั้งไหนที่คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่แข็งแรงแต่ กับปีนี้ปีเดียวความมั่นใจในเรื่องนี้ตกไปเลย หากต้องเดินเข้า-เดินออกโรงพยาบาลเหมือนเป็น supermarket อย่างนี้ ถ้านับวันจริงๆ ก็เกือบจะครบหนึ่งเดือนในเวลาหนึ่งปีไม่นับตัวเงินที่จ่ายไปอีกล่ะ ถึงจะเบิกได้เป็นบางส่วนแต่ถ้าไม่ต้องเสียเงินส่วนนี้จะดีกว่าไหม เมื่อคิดอย่างนี้แล้วใครจะทนไม่คิดได้อีกล่ะ
มีหลายครั้งนะที่รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ เพราะความเจ็บปวด ความไม่แน่นอน และความกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดมันแย่นะที่ต้องอยู่ในสภาพที่ "น่าสงสาร" จากคนอื่นๆ ยิ่งเห็นเห็นแววตาที่เค้ามองมา มันก็ยิ่งรู้สึกสงสารตัวเองมากขึ้นทุกทีมีใครล่ะที่อยากจะเป็นอย่างนี้
ตาเจ็บ หลายต่อหลายรอบ มีทั้งเบาะๆ แค่ตาแดง หรือสาหัสอย่างกระจกตาถลอก หรือแม้แต่อาการเซ้นท์ต่อยาทีต้องลุ้นอยู่ตลอดทุกครั้งไป
กระเพาะอาหาร ที่ใครต่อใครพากันสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นโรคกระเพาะ โรคอาหารเป็นพิษ โรคกรดไหลย้อน ทำให้หน้ามืดตาลาย เหงื่อท่วมตัว อ้วกแตกได้เกือบทุกวัน ทำเอาจมกองอ้วกไปกลายครั้ง ถึงขนาดเก็บอ้วกไปตรวจเลยนะ ได้ความมาว่า กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกิน ต้องกินยาลดการหลั่งกรดก่อนอาหารไป 2 เดือนกว่าๆ
โรคไร้สาเหตุ โรคที่ไม่สามารถระบุได้ ถ้าให้คิดเองก็น่าจะเกิดจากไม่ถูกโรคกับตัวยา แต่ที่มันเป็นบ้างไม่เป็นบ้าง ทั้งที่ยาก็เหมือนกันทุกวัน เดี๋ยวเป็นกับยานี้ (ยาแก้อักเสบแก้แผลเน่าๆ) คราวหน้าเป็นกับอีกตัวนึง (ยาแก้อาการข้างบน) เจ้าอาการประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้นี้ รู้ได้ทันทีที่กระเดือกยาลงคอไป เพราะมันมีกลิ่นทะแม่งๆ ออกมาจากลมหายใจเลยอ่ะ แต่รู้ไปก็ไร้ประโยชน์เพราะมันลงไปแตกตัวเรียบร้อย ยังไงไม่เกิน 10 นาทีก็หน้ามืด ใจสั่น แล้วก็อ้วกแตกอยู่ดี เราเอ เพราะเป็นทีไรก็ต้องมีการกินยาไปก่อนทุกที จนตอนนี้หวาดระแวงชนิดต้องดมก่อนกินไปแล้ว อยากจะตั้งชื่อให้ว่า "โรค 8โมง" เพราะมันเป็นตอนเช้าทุกทีเลย
เอ็นข้อมือฉีก ไอ้ผลพลอยได้จากการหวังดีของเจ้าตัวช่วยที่มันลากคนป่วยลงบันได คาดว่าจะเกิดจากการกระแทกกับขั้นบันไดบ้านนั่นแหละ แรกๆ แค่ปวดๆ เจ็บๆ เหมือนมันมีอะไรครึ่กๆ เวลาลูบๆ อาทิตย์นึงก็แล้วยังไม่หายแถมเหมือนจะลามไปยังจุดต่างๆ อีก ไปหาหมอเค้าจับบิดๆๆ เจ็บง่ะ ก็เลยได้ความว่าเอ็นบางส่วนคงจะฉีกขาด ให้ใส่ wrist support ไป 1 เดือน ถ้าไม่หาย "กลับมาใส่เฝือก" ซะ
โรคเอ๋อ เมื่อก่อนเป็นแค่ปีละครั้งสองครั้ง วันเดียวก็หายไป จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ปีนี้หนักกว่าทุกปีเพราะมันเป็นหลายวันและยังเป็นวันธรรมดาซะอีก ดันมาแสดงความเอ๋ออย่างเด่นชัด ทำเอาเรื่องนี้ดังไปทั่วออฟฟิศไม่พอ มันดังข้ามประเทศไปเลย ไม่รู้ป่านนี้จะกลายเป็นคนโรคจิตไปหรือยังนะ พูดก็พูดเถอะจะว่าตลกก็ตลกหรอกนะ พฤติกรรมประหลาดๆ พูดจาไม่รู้เรื่อง เดินเป๋เหมือนเมาเนี่ย แต่แนวทางการรักษานี่สิ ฟังดูไม่สนุกเอาซะเลย ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าอาการแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะธรรมดามันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
หลังจาก CT SCAN ไปแล้ว เค้าบอกว่ามันเป็นอาการของ Neuro Transmitter Disfunction หรือว่า ศูนย์การควบคุมการสื่อสารในสมองทำงานผิดปกติ ทำให้กระแสประสาท (ประมาณกระแสไฟฟ้านั่นแหละ) มันส่งสัญญาณไปผิดที่ สมองซึ่งรับสัญญาณไปไม่ถูกต้อง มันก็เลยทำให้เกิดผลกับการทรงตัวและการสื่อสาร สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการนี้ คือ "ความเครียด" ซึ่งจะทำให้สมองหลั่งสาร (อะไรสักอย่าง) ผิดปกติไป ถือว่าเป็น major depression อย่างหนึ่ง เหอๆๆ ฟังดูยิ่งเครียดหนักไปอีกนะเนี่ย
การรักษา อย่างที่บอกว่าโรคนี้เกิดจากความเครียด ฉะนั้นการรักษาก็คือ การทำตัวไม่เครียด สั้นๆ แต่ทำยากฉิบ แค่ที่ผ่านมาก็ทำให้เป็นถึงขนาดนี้แล้ว มาบอกให้ไม่เครียด ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้มันก็ลำบากมากๆ แล้วนะ ชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง (คิดว่านะ) มันจะไม่เจอเรื่องเครียดๆ ยากๆ กว่านี้อีกเรอะ สงสัยจะได้ประสาทตายซะก่อนล่ะมั๊ง
บางทีโมโหมากๆ ยังคิดเลยว่า ให้มันจิตหลุดไปซะเลยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไรที่มันไม่ "ประเทือง" ชีวิต!!
วันศุกร์, ธันวาคม 07, 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น