เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ไปดูหนังเรื่องหนึ่งมา เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกประทับใจ จะว่าไปแล้ว หนังไทยเรื่องหลังๆ ทำออกมาได้ดี (ในสายตาเรา) ทีเดียว มันเยังไงน่ะเหรอ? อืม...ม ไม่รู้จะอธิบายยังไงถึงความรู้สึกที่ได้รับระหว่างดูหนัง หรือแม้แต่ตอนที่หนังจบไปแล้ว รู้สึกว่า..มันอบอุ่น มัน 'อิน' ไปด้วยกับเรื่องราวในหนัง อาจเป็นเพราะหนังไทยมันดูเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ เลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น character ของนักแสดง, costume, location, prop, หรือแม้แต่ dialogue มันคุ้นเคยไปหมด เหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่เราเคยพบมาก่อน หรือยังพบเจอได้ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะแถบสยามสแควร์ เซ็นเตอร์พอยด์ ที่เป็นสถานที่ถ่ายทำนั่นเอง
ที่จริงเราเป็นพวกศรัทธาในหนังฝรั่งมาแต่ไหนแต่ไร ดูหนังฟัง soundtrack มาตั้งแต่ยังอ่านไม่ทัน (เรื่องฟังไม่ต้องพูดถึง แค่ใช้ตาอ่านยังลำบากเลย) แต่ก็ชอบในเสียงใน version จริง ที่ตัวละครพูดคุยกัน (แม้ว่าฟังไม่ค่อยจะกระดิก) มากกว่าเสียงที่ฟังรู้เรื่องทุกคำ แต่มันฟังแล้วขัดกับคนที่ดำเนินเรื่องอยู่ในจอหนัง บางเรื่องหน้าเหี้.. แต่เสียงงี้หล่อซ้าาา
เราว่า เสียงที่เกิดขึ้นจากตัวละครพูดหรือแสดงจริงๆ เมื่อเทียบกับเสียงพากย์ไทย เราว่าต้นฉบับมันให้ 'อารมณ์'กว่ากันเยอะ.. ว่ามั๊ย?เพราะงั้นพอมาดูหนังไทย ที่เสียงพากย์ที่ปากมันตรงกับเสียง มันได้ใช้ประสาทสัมผัสกลมกลืน "ตาดู-หูฟัง" มันย่อมดีกว่าจริงๆ ใช่ป่ะ
อีกอย่างนึง เราว่าหนังไทย 2-3 เรื่องที่ดูผ่านๆ มา เค้าก็สร้างได้ดีจริงๆ นะ เรียกว่า "เจ๋ง" เลยล่ะในความคิดเรา เรื่องที่ชอบๆ อยู่ก็มี..
"แฟนฉัน"
ดูแล้วคิดถึงความทรงจำเก่าๆ เหมือนเมื่อวันวาน เท่าที่รู้ผู้กำกับทั้งหลายก็เป็นคนยุคสมัยเดียวกับเรานี่แหละ เรื่องราวมันจึงออกมาได้เหมือนกับสิ่งที่เราเคยผ่านมา
"เพื่อนสนิท"
นายไข่ย้อยผู้แอบรักคนใกล้ตัวอย่างดากานดาเพื่อนสาวที่เค้าช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น.. ในที่สุดก็ไปลงเอยกับนุ้ยพยาบาลสาว
"ซีซั่นเชนจ์"
อันนี้ใกลตัวนิดนึง เพราะไม่มีหัวด้านดนตรีกับเค้าเท่าไหร่ แต่ก็ชอบการเล่าเรื่องของเค้าน่ะ
"สายลับจับบ้านเล็ก"
นี่เพิ่งดูมาหมาดๆ ในความแสบของน้ำปั่นก็ยังมีความอ่อนไหวอยู่ไม่น้อย แอบอิจฉาตอนจบนิดหน่อย
"รักแห่งสยาม"
เรื่องล่าสุดที่ไปดู ชอบบรรยากาศ เนื้อหา และเพลงประกอบ คาดว่าน่าจะออกอัลบั้มในไม่ช้า
มีอะไรอีกหลายอย่างที่เรารู้สึกได้จากหนังเหล่านี้ แต่ไม่รู้จะถ่ายทอดออกมายังไง ทำให้นึกถึงประโยคหนี่งในหนังว่า "เมื่อเวลาที่อยากจะบอกอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดออกมายังไง ก็ให้ใช้ดนตรีเป็นสื่อในการถ่ายทอดความคิดออกมาแทนเรา"
เสียดาย..เล่นดนตรีไม่ค่อยเป็น แต่งเพลงก็ไม่ได้ ไม่งั้นคงไม่ต้องเครียดจากความคิดตัวเองอยู่อย่างนี้หรอก เฮ้อ..
วันจันทร์, ธันวาคม 03, 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น