วันศุกร์, มีนาคม 23, 2550

18 มีนา ครบรอบ 28 ปีแล้วสิเรา

เผลอแป๊ปเดียวผ่านวันเกิดมาซะแล้ว
เมื่อสัปดาห์ก่อนยังคิดอยู่เลยว่า วันเกิดปีนี้จะมีอะไรดีๆให้ตัวเองบ้างไหม
แต่เพราะงานยุ่งๆ เรื่องส่วนตัววุ่นวาย กว่าจะรู้สึกตัวอีกที อ้าวว..ผ่านไปแล้วหรือนี่ 18 มีนา..

ตอนนี้ก็ 28 แล้วสินะเรา
แก่ขึ้นอีกปีละ แต่ทำไมยังรู้สึกเหมือนว่ายังไม่โตเท่าไหร่เลย
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าวัยแห่งอิสระกำลังจะหมดไป แต่ทำไมยังไม่ทำอะไรให้มันเรียบร้อยสักทีนะ
ยังมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่พ้นแต่ละวัน ที่จริงมันก็เรื่องเดิมๆ ที่ไม่ลงเอยเสียที
อยากจะจบ.. แต่ก็ไม่อยากจบ.. ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

ทั้งที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ชัดเจนขนาดนี้
มองไปในอนาคตเห็นใคร..เราก็รู้
อยากมีใครอยู่เคียงข้าง..ก็เข้าใจ
เห็นสถานที่ๆ อยากจะไป แล้วนึกถึงใคร..ภาพใครที่ปรากฏขึ้นมา
แล้วนี่ชั้นกำลังทำอะไรอยู่กันนะ

จะยื้อไว้เพื่ออะไร??
คำถามนี้ดังก้องอยู่ในหูตลอด

ไม่ได้อยากยื้อเลย แค่อยากให้มิตรภาพดีๆ ยังคงอยู่
แต่เราซึ่งเป็นคนเปลี่ยนใจ คงจะคิดไปเองฝ่ายเดียว ว่ามันง่าย
แต่เค้าผู้ยึดมั่นกับคำพูดของเรา ร้องไห้ปานจะขาดใจ พูดอยู่คำเดียวว่าคงไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเรา

ถ้าอย่างนั้น ต้องบอกเลิกหรือ??
ในเมื่อมันไม่ลงตัว ห่างกันไปจะดีกว่าไหม??
ทำไมต้องรอให้เราพูดด้วยเล่า?? เพราะเราเป็นคนเริ่มงั้นหรือ??
ทำไมต้องมาทั้งขู่ทั้งปลอบด้วยว่า "เลือกมานะ"
..เหนื่อยใจจังเลย..

วันศุกร์, มีนาคม 09, 2550

หนี (รัก) ร้อนไปทะเลกันดีกว่า..

วันนี้ว่างๆ เลยมานั่งอัปเดตกระทู้ใน 1000tips อย่างละเอียดสักที คงเพราะไม่ได้เข้ามาอ่านอย่างจริงจังเสียนาน เลยเห็นว่ามีอะไรๆ น่าสนใจอยู่เยอะทีเดียว ยิ่งเดี๋ยวนี้เริ่มข้ามฟากจาก สวนลุมฯ ไป blueplanet ด้วยแล้วยิ่งมีอะไรที่น่าสนใจให้อ่านเยอะไปใหญ่

ใน blueplanet มีแต่เรื่องของวันพักผ่อนของคนอื่นๆ เห็น review / รูปภาพที่พวกเค้าถ่ายมาฝากอย่างสวย ก็ยิ่งมีกิเลสอยากไปเที่ยวเข้าไปใหญ่เลย ทั้งที่จริงก็ตั้งใจแล้วล่ะว่างานหายยุ่งเมื่อไหร่จะหนีร้อนกรุงเทพไปเพิ่มพลังให้ตัวเองอยู่เหมือนกัน (หนีไปร้อนที่ ตจว.แทน 555)เฮ้อ..ที่นั่นก็ดี..ที่นี่ก็อยากไป.. เมื่อไหร่จะมีวันนั้นสักทีน้อ..

มีเพื่อนที่ทำงานคนหนึ่ง เป็นคนที่ฝักใฝ่ในการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เรียกว่ามันมีที่ไปได้ทุกเดือน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ตามติดกิจกรรมของเค้าเท่าไหร่ เพียงแค่แอบเห็นภาพถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็อดชื่นชมบรรยากาศไปด้วยไม่ได้ทุกทีสิ น่าอิจฉาจังเลยนะดูเค้าใช้ชีวิตคุ้มดี เราเองก็อยากทำอย่างนั้นบ้างเหมือนกัน (ตราบเท่าที่สุขภาพกาย-ใจ-และกระเป๋าตังค์อำนวยอ่ะนะ)

การได้ไปเปิดหูเปิดตาในโลกกว้างมันก็มีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าไปกับคนที่อยากไปด้วยมันก็ยิ่งมีความสุขมากเป็นพิเศษ ท่องเที่ยวด้วยกัน แชร์ประสบการณ์กัน สร้างความทรงจำที่ดีระหว่างกันไว้ให้สุขใจเวลานึกถึง
..มันดีออกจะตายไปเนอะ..

ท่ามกลางความสุข ก็มีแว่บนึงของความคิดไม่ดีๆ ที่ผุดขึ้นมาว่า หากว่าวันหนึ่งที่เรื่องน่าตื่นเต้นหรือท้าทายในวันนี้ มันกลายเป็นความเคยชินไปซะแล้ว ความรู้สึกที่มีให้กันมันจะเปลี่ยนไปไหม??

สักวันหนึ่งเค้าจะเบื่อเราหรือเปล่าหนอ..
อะไรที่มันได้มาง่ายๆ มันจะคงอยู่ไปได้นานสักเท่าไหร่..
คิดแล้วก็อดที่จะใจหายและเสียใจไม่ได้ แต่ทำไงได้ล่ะ เราก็เลือกที่จะเป็นอย่างนี้ในวันนี้เองนี่นา
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าก็คงต้องยอมรับมันด้วยความเต็มใจ
ได้แต่หวังว่าความทรงจำดีๆ ร่วมกันมันคงทำให้เรารักกันตลอดไปนะ

ว่าแล้วคิดถึงวันนั้นที่พังงาจังเลย
ผ่านมาหลายปีแล้วก็จริง แต่เรายังรู้สึกเหมือนกับว่ามันเพิ่งไม่นานนี้เอง..

วันพุธ, มีนาคม 07, 2550

พักยก หลังพายุ FoRm D

ช่วงนี้เป็นช่วงสงบครั้งแรกของปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน
เหมือนจะเป็นจังหวะให้พักหายใจบ้าง หลังจากที่กรำศึกหนักจากรอบด้านตลอดช่วงที่ผ่านมา
ก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจะเข้าที่เข้าทางแล้วหรอกนะ เพียงแต่แค่เงียบๆ พอให้ได้คลายเครียดไปสักหน่อย
แอบคิดเล็กๆ เหมือนกันว่า เครียดไปซะทีเดียวเลยดีไหม เสร็จแล้วจะได้จบๆ ไปซะเลย
ค้างคาก็เหนื่อยใจ เหนื่อยกาย ทรมาณชะมัดเลย

เรื่องงาน.. หลังจากต้องเข้ามาทำงานวันหยุดเมื่อสัปดาห์ก่อน เหมือนวันนี้จะเข้าสู่ชีวิตปกติอีกครั้ง
รอ "มรสุมแขก" ที่กำลังจะพัดเข้ามาเยือนเกือบตลอดสัปดาห์หน้าเลยอ่ะ
คิดว่าคงได้วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง.. อีกเยอะล่ะคราวนี้ บทเรียนจากปีก่อนมีเยอะ แต่ก็ดี..เหนื่อยดี..
นี่ถ้าเรื่องส่วนตัวมันเครียดจัดๆ เจองานหนักๆ เข้าไปท่าจะดีแฮะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก
กลัวเหมือนกันว่ายิ่งสร่างๆ ซาๆ อย่างนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นใจอ่อนไปซะอีก

เรื่องส่วนตัว.. หลังจากที่โดนไซโคฯ จนอ้วกมาแล้ว ไม่นับกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกหลายคืน
ช่วงนี้เหมือนหยุดพักไปสัก 2-3 วัน เพราะไม่ได้เจอกัน
ก็ไม่รู้นะว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะมีเรื่องอีกไหมหว่า กลัวจะโดนเหน็บ-แดก-ดัน จนสติแตกน่ะสิ
พูดก็พูดเถอะนะ เครียดเพราะงานยังพอทน เครียดเพราะใจนี่มันแย่จริงๆ เฮ้อ..
ดันเกิดเป็นคนไม่เข้มแข็งก็อย่างนี้แหละ เจ็บนานน...น
สงสาร แต่จะให้ทำไงล่ะน้อ นอกจากให้เวลาผ่านไปเพื่อทำใจมันทั้งสองฝ่าย

วันศุกร์, มีนาคม 02, 2550

หรือวันนี้ คือ วันสุดท้ายของความรักครั้งแรก..

มีคำถามหนึ่งที่ทำให้เราต้องหยุดคิด "คุณเคยเลิกรักใครไหม ?"
ตามมาด้วยประโยคที่ว่า "ฉันอาจไปจากที่นี่ก็ได้...ถ้าฉันหลงรักมันเข้าแล้วจริง ๆ"
ประโยคจาก "เพื่อนสนิท" นั่นเอง

มีหลายความคิดเห็นที่อ่านแล้วนึกสนใจในคำตอบนั้น..ถ้ารักแล้วทำไมถึงต้องจากไป??

บางทีการรักใครมากๆ มันก็น่ากลัว เดินออกมาตอนที่ความรักมันยังสวยงามมันก็ดีนะ
อย่างน้อยสิ่งที่จดจำจะได้มีแต่ภาพดีๆ


อยากเก็บภาพที่สวยงามนั้นไว้นาน ๆ
บางทีถ้าเข้าไปแตะต้องมันก็อาจจะสูญสลายไปก็ได้
เคยมีหนังสือเล่มนึง เปรียบเทียบ เงาของดวงจันทร์ ที่สะท้อนในน้ำว่า สวยงาม แต่มีไว้ให้เฝ้ามองเท่านั้น
เพราะถ้าเอื้อมมือไปสัมผัส น้ำก็สั่นไหวจนกระทั่ง มองไม่เห็นความสวยงามของพระจันทร์อีก
ของบางอย่างจึง มีไว้เฝ้ามองเพียงเท่านั้น


ไม่เคยเลิกรัก เพราะไม่แน่ใจว่าเคยรักใครหรือเปล่า ยังตอบคำถามไม่ได้สักทีว่า ขนาดไหนถึงเรียกว่ารัก...
แต่มั่นใจอย่างหนึ่งว่า ความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกันแน่ๆ
เหมือนกินข้าว บางคนกินครึ่งจานก้อิ่มแล้ว บางคนซัดไป 3 จาน

เป็นคนกินจุมั้งเลยไปไม่ถึงจุดนั้นซักที...
หรือจะวัดความรู้สึกอย่างที่ แจ๊ค นิโคลสัน บอกกับเฮเลน ฮันท์
"คุณทำให้ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้"


ไม่แน่ใจว่าเคยรักหรือเปล่า เหรอครับ ? เศร้านะครับ..
"รัก - กินข้าว "
ถ้าไม่รู้ตัวว่า กำลังกินอยู่หรือเปล่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรนะ ว่า "อิ่มแล้ว"
ปล.ขอบ่น เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่ารักเรามาก แต่อยู่ด้วยกันไม่เคยมีความสุข หาเรื่องทะเลาะตลอด แต่เรื่องเดิมๆ
หึงแบบไร้เหตุผลแล้วชอบบอกว่า "เพราะรักนะ" จน โอ้ย..รักแบบนี้ ก็ไม่ไหว ทางใครทางมันดีกว่า..


สำหรับเราแล้ว เราไม่เคยเลิกรักใครได้เลยสักที
ไม่เคยลืมเลยว่าเคยรักใคร และเคยรู้สึกอย่างไรกับใครบ้าง
ทุกอย่างยังคงอยู่เสมอ เหมือนกับวันนั้นยังคงเป็นวันนี้
เพียงแต่ มันไม่สามารถแสดงออกถึงความคิดภายในใจได้เท่านั้นเอง
เพราะเราไม่รู้นี่นาว่าคนอื่น เค้าจะคิดอย่างที่เราคิดไหม

คำถามที่ว่าถ้ารักแล้วทำไมต้องจากไป ในวันนี้เราเข้าใจแล้วล่ะว่าเพราะอะไร
เพราะแค่ "รัก" มันอาจจะไม่ใช่ทุกสิ่งก็ได้
คนเราจะคบกันมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำว่ารักเพียงคำเดียว แต่มันยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกเยอะ
เพียงแต่ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นเหตุผลของทุกสิ่งก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อเราได้มากที่สุด
แต่สุดท้ายแล้ว ..เพราะรักคงยังไม่พอ..
และถึงแม้ว่าจะรักกัน บางทีคนรักกันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเสมอไป
อยู่กันห่างๆ อาจจะมองเห็นข้อดีของกันและกันมากกว่าก็ได้

เมื่อมองไม่เห็นทางร่วมกันแล้ว
การจากกันไปทั้งที่ยังรักก็อาจจะดีกว่า
อย่างน้อยก็ยังมีภาพความทรงจำดีๆ อยู่ในใจ

เฮ้อ..

ปวดหัวจังเลย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
สับสนไปหมดจนไม่รู้จะจับต้นชนปลายตรงไหน
ไม่รู้ว่าอะไรถูก-ผิด
ไม่รู้ว่าอะไรควรทำ-ไม่ควรทำ

ที่ยังคงตอบตัวเองได้ก็คือ คิดถึงและเป็นห่วงเสมอ
พอนึกถึงทีไร ภาพเหตการณ์ดีๆ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ก็จะปรากฏขึ้นมา ทำให้รู้สึกโหยหา
นี่สินะ..ที่เค้าเรียกกันว่า "ความผูกพัน"

ใจมันหวิว.. เมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว
ที่ผ่านมาเป็นเพียงความทรงจำจางๆ เหมือนกับเป็นฝันที่คล้ายความจริง
และทุกอย่างก็จบลงเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา
คล้ายๆ ว่าเคยมีอยู่ แต่ปัจจุบันนี้จะไม่มีอีกแล้ว

5ปี..เราคงหลับไปนานเลยสินะ
ถึงเวลาหรือยังที่ควรจะต้องตื่นเสียที??