วันพุธ, พฤษภาคม 19, 2553

คนพิเศษ กับ คนธรรมดา

หงุดหงิดใจชะมัด..
ทำไมนะ คนที่ควรจะเข้าใจกันที่สุด บางครั้งกลับรู้สึกว่าเป็นคนที่เข้าใจกันยากที่สุด ไอ้ครั้นจะบอกอะไรก็แสนลำบากที่จะพูด น้อยใจ เกรงใจ เสียใจ และอื่นๆ อีกมากมาย จนทำให้ตัดสินใจว่า.. "เหนื่อยใจ" เกินกว่าจะพูดแล้วล่ะ

เวลาที่มันรู้สึก 'down' ทุกๆ คนก็ต้องการกำลังใจเพื่อขับเคลื่อนต่อไปกันทั้งนั้น จะมีใครปฏิเสธมั๊ยว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็น แฟน" มักจะเป็นคนที่ถูกนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ การบอกว่า "คิดถึง" ไม่ได้หมายความว่าต้องมาเจอกันทุกครั้งเสียหน่อย ก็แค่ต้องการการกระทำ หรือคำพูด หรืออะไรสักอย่างที่เป็นการเติมกำลังใจให้กับคนที่กำลังเหงาและรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ให้ได้รู้ว่า ..ชั้นยังมีเธอ..และชั้นยังเป็นคนสำคัญกับใครบางคนอยู่

การที่เราจะพูดสิ่งที่เรารู้สึกกับคนสำคัญมันจะต้องดูเวลาด้วยเหรอ เข้าใจมาตลอดว่าการสื่อสารจากใจถึงใจเป็นสิ่งที่ควรกระทำกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น "คนพิเศษ" เพราะมันแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ลึกซึ้งมากกว่าคนอื่นๆ มันยากตรงไหนกับการที่ถามตัวเองแล้วตอบออกมาตรงๆว่ารู้สึกอย่างไร

ถึงแม้สังคมมันจะแย่แค่ไหน สถานการณ์ไม่แน่นอนอย่างไร ความรู้สึกของคนสองคนที่มีต่อกันมันก็น่าจะเหมือนเดิมเสมอ ไม่ใช่ว่าบ้านเมืองกำลังแย่เธอจะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้ ในเมื่อตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้าดูสถานการณ์ภายนอกอย่างเงียบๆ แล้วทำไมต้องเอาความเครียดของสังคมมาแสดงกับคนที่เราแคร์ซึ่งก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน แทนที่จะตอกย้ำความเครียดให้กัน เราควรจะเป็นกำลังใจให้กันมากกว่าไม่ใช่หรือ ยอมรับว่าผิดหวังอยู่เหมือนกันกับเสียงเบื่อๆ เซ็งๆ ที่แสดงความรู้สึกว่า..อีกแล้วเหรอ.. ได้ยินแล้วทำให้รู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปเลย..เสียใจที่แสดงความรู้สึกอ่อนแอกับคนหวังว่าน่าจะเข้าใจเรา ทำให้คิดว่าตัดสินใจผิดที่คิดว่าเค้าไม่เหมือนคนอื่น ที่จริงแล้วแฟนก็คือคนอื่นที่บังเอิญสนิทสนมกันมากกว่าคนอื่นๆ แค่นั้นเองไม่ได้เห็นเราพิเศษอะไรเลย

ไม่อยากเป็นผู้หญิงของใครแล้วล่ะ พอรู้สึกว่าเรามีใครสักคนมาแชร์ความเป็นตัวเรา หัวใจมันก็พลอยที่จะเปิดกว้างปล่อยให้สัญชาตญาณของเพศที่บอบบาง ยอมให้ความรู้สึกและอารมณ์เข้ามามีอิทธิพลในการแสดงออก ในขณะที่อีกคนยังเป็นตัวเองอยู่เต็มเปี่ยม มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ดั่งใจ

ไม่มีความคิดเห็น: