ที่จริงกะว่าจะมาอัปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ดันมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นซะก่อน เมื่อน้อง PC ที่น่ารักดันหยุดทำงานเอาดื้อๆ ขณะที่เรากำลังเปิด Photoshop CS3 เพื่อทำ wallpaper งามๆ ประดับหน้าจอซะหน่อย
แหม..ม.. พูดแล้วก็เคือง อุตส่าห์ตั้งใจทำตั้งนาน ไม่ได้แตะเจ้าโปรแกรมนี้มาตั้งนานนม นานซะจนจำคำสั่งอะไรไม่ได้เลยต้องมามั่วนิ่มเอาใหม่หมด อุตส่าห์แก้สี ตกแต่งจน (เหมือนจะ) งามแล้วนะ อยู่ๆ PC ก็ใจน้อยค้างซะงั้น จะปิด/เปิดอะไรก็ไม่ได้ กด 3 ปุ่มมหัศจรรย์ก็แล้ว ไม่หือ..ไม่อืออะไรทั้งนั้น จนในที่สุดตัดใจ (ปัญหาเกิดตรงนี้แหละมั๊ง) จิ้ม reset ซะเลย หลังจากนั้นแหละที่นรกมาเยือน..
"PRESS ANY KEY TO REBOOT"
คำสั้นๆ บนหน้าจอดำๆ
น่าฉงนซะจริง.. อาไรฟะ กดก็ได้ แล้วก็กระจ่างใจขึ้นทันทีเมื่อมันวนอยู่แต่หน้านี้ windows ไม่ขึ้นแต่อย่างใด "ซวยแล้วสิตรู" ทำไงดีวะเนี่ย??? ปล้ำกะมันอยู่พักนึงในที่สุดก็เข้าใจได้ว่าเครื่องมันหา HDD ตัวที่มี windows ไม่เจอ จะช็อตหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่า "ซวยสนิท" แน่ๆ โปรแกรมหายหมด ต้องลงเครื่องใหม่ setting ใหม่หมดอีกสิเนี่ย T_T รอไอทีที่รักมาทำให้ดีกว่ามั๊ง เผื่อว่าเค้าอาจจะเอามันกลับมาได้โดยไม่ต้องลงใหม่อ่ะ
จบเรื่องเมื่อวานแต่เพียงเท่านี้ ด้วยความเศร้าของเราที่ไม่มีเน็ตเล่น (อีกแล้ว) ง่ะ
ตื๊ดดดด...
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นหน่อยนะ
วาเลนไทน์ปีนี้..เกือบทั้งวันหมดไปกับการนั่งจุ้มปุ๊กอยู่โรงพยาบาล นั่งรอคิวตั้งแต่เช้าจนเย็น ตากพัดลมผสมกับฝุ่น และเชื้อโรคในโรงพยาบาล ตกเย็นเสียงหายซะฉิบ!!! ทั้งที่ตอนเช้ายังปกติดีอยู่เลยแท้ๆ ไหงกลายเป็นเสียง "เซ็กซ์" เสื่อมขนาดนั้นได้ล่ะน๊อ ..มันก็น่าเสื่อมหรอกนะ ฟังยังไงก็เสียงผู้ชายชัดๆ หน้าก็ไม่ได้หญิงจ๋าอยู่แล้ว เสียงแบบนี้นี่มันกระเทยนี่หว่า!!
บ่ายสี่โมงครึ่งซมซานกลับบ้าน หมดเรี่ยวหมดแรงเหลือเกิน พอไปถึงห้องมี surprise เมื่อคนที่บอกเราว่าติดงานวันนี้กลับใส่เสื้อยืด+ขาสั้นนั่งเล่น net อยู่ในห้องเราซะนี่ (มาบอกทีหลังว่ารู้หลายวันแล้วว่าเค้าเลื่อนวัน แต่ไม่ยอมบอกเรา ..กะเซอร์ไพรซ์ งั้นสิ!! ..ยังไม่เข็ด 55+
นั่งจุ้มปุ้กลงบนเตียงปุ๊ป..
หวานใจตัวกลมที่นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มก็เปิดผ้า..ทันที!!!! (ผ้าห่มอ่ะ..มันคลุมกล่องของขวัญอยู่น่ะ) หยิบกล่องพลาสติกใสผูกโบว์มาให้
...รับปั๊ป..ทันทีเหมือนกัน!!!
อะไรอ่ะเนี่ย (สารภาพว่าตอนแรกงงๆ เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร)
อ๊ะ...กระดาษสีแดง.. ดอกไม้.. กุหลาบ..
..อืมมม... ขอบคุณค่ะ (ยิ้มหวาน~~~น)
แหม..ม ก็คิดไม่ถึงหนิว่าตาอ้วนจะพับดอกกุหลาบให้อ้ะ ถึงเราจะทำไม่เป็นแต่ก็รู้นะว่าของพวกนี้มันงานพยายาม ถ้าไม่รักจริง (^_^) คงไม่ทำให้หรอกเนอะ ใช้เวลาใช่น้อยนะนั่น
"รู้ว่าอยากได้ ก็เลยทำให้เองดีกว่า เมื่อวานก็ออกไปซื้ออุปกรณ์มาทำให้น่ะ แล้ววิธีทำก็ศึกษาจาก u-tube เอาเอง replay ตั้งหลายรอบกว่าจะทำตามได้"
เค้าจะรู้ไหมนะว่าเราดีใจมากแค่ไหน!!
ยิ่งได้รู้ว่านั่งพับเจ้ากุหลาบ "มานะ" นี่ตั้งแต่วันศุกร์ในออฟฟิศ ก่อนนอน และตอนเช้าวันเสาร์
(เพิ่งเข้าใจชัดๆ เหมือนกันว่า ของบางอย่างที่เกิดจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจ มันมีคุณค่าทางใจมากกว่าของราคาแพงตั้งมากมาย ซึ้งกว่ากันเยอะเลยนะเนี่ย อิอิ)
ที่สำคัญ..ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้ดอกไม้จากนายคนนี้!!! ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริง ที่ในที่สุดความต้องการก็สัมฤทธิ์ผลจนได้ กุหลาบ 12 ดอก กับเวลาเกือบ 12 ปีที่รู้จักกันมา ดีใจจัง
คอยดูนะ.. จะนั่งมองมันทุกวันเลย 55+
วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 17, 2552
วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 14, 2552
hifias1sbu0.swf hosted at ImageShack.us
Visit natster's (my) ImageShack profile



วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 13, 2552
Before Valentine's Day
จั่วหัวอย่างนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับหนังแต่อย่างใดหรอกค่ะ เพียงแต่วันนี้ 13 ก.พ. เป็นวันก่อนหน้าวันแห่งความรัก อันเป็นวันที่รอคอยของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคน "มีคู่" ที่จะแสดงออกถึงความรักอย่างสุดซึ้ง (ว่าไปนั่น 55+) ยิ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ด้วยแล้ว หลายๆ คู่คงมีเวลาฉลองกันอย่างเต็มที่เลยล่ะ
ที่จริง 14 กพ เป็นวันหยุดก็ดีนะ คนโสดที่ไม่อยากออกไปอิจฉาตาร้อนคนมีคู่จะได้หลบอยู่บ้านอย่างเงียบๆ ไม่มีคู่ก็ไม่เป็นไร แค่ไม่เห็นภาพบาดตาบาดใจให้อิจฉาก็ยังดี ถือซะว่าเป็นวันพักผ่อนหลับอุตุอยู่บ้านจนข้ามวันก็ยังได้เป็นรางวัลชีวิตให้กับตัวเองอีกต่างหาก ^^
เอาเถอะนะ เรื่องราวในวันวาเลนไทน์จะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้เดี๋ยวรู้กัน!!! มาเล่าเรื่องวันนี้ก่อนดีกว่า
วันนี้ไปหาหมอด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เหตุเพราะคราวก่อนหมอบอกว่าแผลที่ผ่าตัดไว้ (ครบ 1 เดือนพรุ่งนี้แหละ) มันทำท่าจะไม่ติด
ฮ๊า.. อะไรนะ
คือเล่าให้ฟังก่อนว่า การผ่าตัดปะซ่อมแซมเยื่อแก้วหูที่มันทะลุเนี่ย (เท่าที่ฟังเค้าเล่าอ่ะนะ) เค้าจะปะทั้งหมด 3 ชั้น ทีนี้ไอ้ที่หลุดติดสำลี รึ อุปกรณ์อะไรสักอย่างนี่แหละ..มองไม่เห็นอ่ะ มันคือชั้นนอกสุด เห็นหมอทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็เอาเจ้าเยื่อนั่นแปะเข้าไปที่แผลด้วยมือนี่แหละ แล้วก็บอกว่าติดไม่ติดเดี๋ยวก็รู้ ลุ้นๆ หน่อยละกัน วันนั้นเลือดสาดติดนิ้วหมอเลย เหอๆๆ (หมอนี่ก็เสี่ยงเนอะ เกิดคนไข้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงขึ้นมาไม่ต้องเสี่ยงติดไปด้วยรึเนี่ย แต่ไม่ใช่ข้าพเจ้าเน้อ "ปลอดภายไร้เชื้อแน่นอนจ้า"
พอมาถึงวันนี้ หมอเอาเจ้าเครื่อง suction ที่เค้าว่าเล็ก (ตรงไหนวะ เจ็บฉิบ) มาดูดๆ ดันๆ เอาอะไรต่อมิอะไรออกมาหลายอย่าง เล่นเอาคนไข้อย่างเราทั้งเจ็บทั้งเสียว แหม..ม มองก็ไม่เห็น เสียงก็ดัง อยู่ใกล้หูซะขนาดนี้ ดีไม่ดีมีเจ็บจึ้กๆ อีก ไม่กลัวได้ไงล่ะ ผ่านไปเกือบ 5 นาที (ที่รู้สึกเหมือน 5 ชั่วโมง) เสร็จ PROCESS ซะที เล่นเอามึนไปทั้งหัว แถมยังโดนหมุนเก้าอี้ไปๆ มาๆ เปรียบเทียบหู 2 ข้างอีก
หมอ: แผลดีขึ้นนะ แห้งดีทีเดียว ก็ "น่าจะ" ติดหรอกนะ
(อ่ะ... ยังมีคำว่า probably หรือ maybe ในประโยคลักษณะนี้ อีกหรือเนี่ย???)
เรา: ค่ะ (ตอบได้แค่นั้นจริงๆ ง่ะ)
หมอ: เดี๋ยวหมอนัดมาดูใหม่ อีกสัก 2 เดือนละกัน ระวังอย่าให้โดนน้ำ ส่วนยาหยอดหู เหลือหยอดก่อนนอนอย่างเดียวก็พอ แผลไม่ค่อยอักเสบแล้ว คราวหน้ายุบบวมแล้วมาดูอีกที
ฟังแล้วเหมือนจะรู้สึกดีแฮะ ตกลง % ติด มากกว่า หลุด ก็ยังดีวะ อ้อ ส่วนที่เจ็บคอแปลกๆ นั่น หมอสุดสวยบอกว่า "ภูมิแพ้" น่ะ เป็นแล้วววว กำๆ ได้โรคเพิ่มซะละตรู T_T
ถือว่าวันนี้ก็ประสบความสำเร็จขึ้นมาหน่อย รึเราควรจะขอบคุณ "ไข่" ที่อุตส่าห์ตะบี้ตะบันกินวันละ 3 ฟอง เป็นเวลา 2 สัปดาห์เต็ม ก็ไม่รู้ว่าจะได้ "อะบูมิน" หรือ "โคเลสเตอรอล" มากกว่ากัน คงได้เวลาลดๆ ลงมั่งแล้วมั๊ง เหลือวันละฟองก็พอ เปลือง!!!
ที่จริง 14 กพ เป็นวันหยุดก็ดีนะ คนโสดที่ไม่อยากออกไปอิจฉาตาร้อนคนมีคู่จะได้หลบอยู่บ้านอย่างเงียบๆ ไม่มีคู่ก็ไม่เป็นไร แค่ไม่เห็นภาพบาดตาบาดใจให้อิจฉาก็ยังดี ถือซะว่าเป็นวันพักผ่อนหลับอุตุอยู่บ้านจนข้ามวันก็ยังได้เป็นรางวัลชีวิตให้กับตัวเองอีกต่างหาก ^^
เอาเถอะนะ เรื่องราวในวันวาเลนไทน์จะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้เดี๋ยวรู้กัน!!! มาเล่าเรื่องวันนี้ก่อนดีกว่า
วันนี้ไปหาหมอด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เหตุเพราะคราวก่อนหมอบอกว่าแผลที่ผ่าตัดไว้ (ครบ 1 เดือนพรุ่งนี้แหละ) มันทำท่าจะไม่ติด
ฮ๊า.. อะไรนะ
คือเล่าให้ฟังก่อนว่า การผ่าตัดปะซ่อมแซมเยื่อแก้วหูที่มันทะลุเนี่ย (เท่าที่ฟังเค้าเล่าอ่ะนะ) เค้าจะปะทั้งหมด 3 ชั้น ทีนี้ไอ้ที่หลุดติดสำลี รึ อุปกรณ์อะไรสักอย่างนี่แหละ..มองไม่เห็นอ่ะ มันคือชั้นนอกสุด เห็นหมอทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็เอาเจ้าเยื่อนั่นแปะเข้าไปที่แผลด้วยมือนี่แหละ แล้วก็บอกว่าติดไม่ติดเดี๋ยวก็รู้ ลุ้นๆ หน่อยละกัน วันนั้นเลือดสาดติดนิ้วหมอเลย เหอๆๆ (หมอนี่ก็เสี่ยงเนอะ เกิดคนไข้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงขึ้นมาไม่ต้องเสี่ยงติดไปด้วยรึเนี่ย แต่ไม่ใช่ข้าพเจ้าเน้อ "ปลอดภายไร้เชื้อแน่นอนจ้า"
พอมาถึงวันนี้ หมอเอาเจ้าเครื่อง suction ที่เค้าว่าเล็ก (ตรงไหนวะ เจ็บฉิบ) มาดูดๆ ดันๆ เอาอะไรต่อมิอะไรออกมาหลายอย่าง เล่นเอาคนไข้อย่างเราทั้งเจ็บทั้งเสียว แหม..ม มองก็ไม่เห็น เสียงก็ดัง อยู่ใกล้หูซะขนาดนี้ ดีไม่ดีมีเจ็บจึ้กๆ อีก ไม่กลัวได้ไงล่ะ ผ่านไปเกือบ 5 นาที (ที่รู้สึกเหมือน 5 ชั่วโมง) เสร็จ PROCESS ซะที เล่นเอามึนไปทั้งหัว แถมยังโดนหมุนเก้าอี้ไปๆ มาๆ เปรียบเทียบหู 2 ข้างอีก
หมอ: แผลดีขึ้นนะ แห้งดีทีเดียว ก็ "น่าจะ" ติดหรอกนะ
(อ่ะ... ยังมีคำว่า probably หรือ maybe ในประโยคลักษณะนี้ อีกหรือเนี่ย???)
เรา: ค่ะ (ตอบได้แค่นั้นจริงๆ ง่ะ)
หมอ: เดี๋ยวหมอนัดมาดูใหม่ อีกสัก 2 เดือนละกัน ระวังอย่าให้โดนน้ำ ส่วนยาหยอดหู เหลือหยอดก่อนนอนอย่างเดียวก็พอ แผลไม่ค่อยอักเสบแล้ว คราวหน้ายุบบวมแล้วมาดูอีกที
ฟังแล้วเหมือนจะรู้สึกดีแฮะ ตกลง % ติด มากกว่า หลุด ก็ยังดีวะ อ้อ ส่วนที่เจ็บคอแปลกๆ นั่น หมอสุดสวยบอกว่า "ภูมิแพ้" น่ะ เป็นแล้วววว กำๆ ได้โรคเพิ่มซะละตรู T_T
ถือว่าวันนี้ก็ประสบความสำเร็จขึ้นมาหน่อย รึเราควรจะขอบคุณ "ไข่" ที่อุตส่าห์ตะบี้ตะบันกินวันละ 3 ฟอง เป็นเวลา 2 สัปดาห์เต็ม ก็ไม่รู้ว่าจะได้ "อะบูมิน" หรือ "โคเลสเตอรอล" มากกว่ากัน คงได้เวลาลดๆ ลงมั่งแล้วมั๊ง เหลือวันละฟองก็พอ เปลือง!!!
วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 02, 2552
วันจันทร์แรกแห่งเดือนก.พ. ทำไมตรูงี่เง่าอีกแล้วล่ะเนี่ย??
ทำไมมันเซ็งๆ ตะหงิดๆ ฟระ!!!
ที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าอาทิตย์นี้เค้าจะกลับขอนแก่น แล้วก็ระลึกอยู่ตลอดว่าวันนี้นะ..ไม่อยู่นะ.. แต่ทำไม๊..ทำไมวันนี้ถึงเกิดงอแงขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ หรืออารมณ์ "ติสท์แตก" กันนะ
เฮ้อ...
<<<อย่างนี้จะเรียกว่า "งอแง" จน "งี่เง่า" หรือเปล่านะ>>>
ก็มันเหงานี่หน่า อย่ามาบอกว่าเหงาอะไรคนออกเต็มบ้านเต็มเมือง แหม..ม... ถึงรอบตัวจะมีคนอยู่มากมาย แต่มันก็ไม่เหมือนกับคนที่เราต้องการซะหน่อย ไม่มีใครแทนใครได้ ++จริงม๊ะ++
ไม่ได้ติดหนึบจนแยกไม่ออก ไม่ใช่เห็บ เอ๊ย! เหา ที่ต้องอาศัย host ให้มีชีวิตรอด แต่มันเป็นเรื่องทางใจน่ะ..เข้าใจป่ะ ??
ถ้าคุณเคยมีความรัก มันก็ต้องมีบ้างแหละที่ไม่อยากห่างกัน (ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าอีกคนนึงรู้สึกเหมือนกัน)แต่กรณีอย่างเรา ดัน "รู้ตัวช้า" กว่าจะคิดได้ว่า "รัก" ก็เมื่อมันเกือบจะสายเกินไป ความรักเกือบเดินสวนทางกันไปแล้ว..นี่แหละที่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะดีใจดีหรือเปล่าที่มารู้ใจตัวเองได้ทันที่จะเกาะปลายขากางเกงไว้ก่อนที่จะเดินผ่านกันไปความรักมันเลยออกจะรุ่งริ่งไปสักหน่อย..
ที่มาพล่ามอยู่เนี่ย ก็ไม่ใช่มาบอกว่าเค้าไม่รัก อย่างโน้นอย่างนี้หรอกนะ
รู้แหละว่าเค้าก็รักเราอยู่บ้าง.. (มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่คาดว่าคงจะเป็นอันดับกลางๆ ในความคิด และไม่อยากรู้ด้วย เพราะทำใจไม่ได้ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีความสำคัญน้อยมากๆ) แต่บางทีมันก็น้อยใจน่ะ.. เค้าดูเรื่อยๆ เฉยๆ มีความสุขกายสบายใจ ไม่ทุกข์ร้อนอะไน มันช่างผิดกับเราที่ดิ้นพล่านอยู่คนเดียว เฝ้ารอเมื่อไหร่นะ (เค้า) จะ (มีเวลา) ได้เจอกัน นานๆ เข้าก็จะมีอารมณ์กรุ่นๆ ขึ้นมาบ้าง
"#$%^&@!*" ---> อยากจะบ่น แต่ไม่รู้จะพูดออกมาว่ายังไงถึงจะเข้าใจได้
ใช่สิ! คุณทำใจได้แล้วนี่ มีชั้นหรือไม่มี ก็อยู่ได้สบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไร
"พี่ทำใจได้แล้ว ถ้าเจอใครที่ดีกว่าก็ไป พี่อยู่คนเดียวได้สบายๆ" ..บลาๆๆๆ..
แต่ชั้นสิ..ใจมันเร่าๆ อยากเจออยู่ตลอดทุกวัน แต่ไม่อยากพูดมากกว่า พูดไปก็หาว่าเราหลง
"ไม่อยากได้ใครอื่นแล้วนี่ ก็มันรักคนนี้อ่ะ ไม่ใช่ตานี่ก็ไม่เอาแล้ว ไม่อยากไปให้ใครหลอกอีกแล้ว" ...เมื่อไหร่จะเชื่อสักทีนะ..
บ้าๆ หน่อยก็จะคิดว่า ถ้าชั้นเป็นอย่างนั้นมั่ง เรื่อย..เฉย..เจอก็ได้..ไม่เจอก็ไม่เป็นไร.. ถ้าเป็นอย่างนั้นความรักมันจะมีอยู่ไหมนะ??
บางทีก็ฟุ้งซ่านไปเรื่อย น้อยใจ.. ร้องไห้.. อ่อนแอ.. ท้อ!!! จนคิดว่าอยากจะเลิกรักเสียจริงๆ ก็ถ้ารักแล้วมันต้องทุกข์ใจขนาดนี้ มันทรมาณนะ!!! แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าชะมัด!! แต่ชีวิตมันก็เหมือนเรื่องตลกที่แมร่งดูยังไงก็ไม่ขำ -_-" มันออกเฝื่อนๆ ซะมากกว่า สมน้ำหน้าตัวเองง่ะ จะรู้จักความรักก็เมื่อรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
หรือว่ามันคือการใช้กรรม?
มรึงเอ๊ย... งอแงไปก็เท่านั้น ใครจะสงสาร ก็ทำคนอื่นเค้าไว้เยอะหนิทำให้เค้ารัก แล้วก็ไม่มีเวลาให้เค้า ไม่เคยดูแลความรัก ทำให้เค้าเจ็บสุดๆ ทีนี้จะต้องการความรักเต็มที่จากเค้ามันจะได้เหรอ..
แล้วสุดท้ายจะต้องเจ็บเหมือนที่เค้าเคยเจ็บหรือเปล่า??
ถ้าเป็นอย่างนั้นขอเจ็บเลยได้มั๊ย มันทรมาณจัง T_T สุขๆ เศร้าๆ เนี่ย ฮือๆๆๆ ไม่ชอบเลยจริงๆ
จะ "รัก" หรือ "ไม่รัก" ว่ามาเลยดีกว่า!!!!
รู้อยู่ว่า "คนนี้" คือ "คนนั้น"
แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่คนเดิมที่ทำให้เราตกหลุมรัก
มีอย่างเดียวที่เหมือน คือ เค้ารู้ว่าเราคิดอะไร แต่นั่นแหละ รู้แต่แกล้ง นี่มันเจ็บแสบกว่าไม่รู้หลายเท่านัก!!!
โอ๊ยย..ย สับสนเว้ย~~~~ย
เอ้า! มิวสิค!!
..มันเหนื่อยมันท้อ ต้องรออีกนานเท่าไหร่ ยิ่งหวังยิ่งไกลออกไปทุกที....
จะมีวันได้เป็นที่หนึ่งของใครอีกไหมวะเนี่ย เฮอะ!!!
ที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าอาทิตย์นี้เค้าจะกลับขอนแก่น แล้วก็ระลึกอยู่ตลอดว่าวันนี้นะ..ไม่อยู่นะ.. แต่ทำไม๊..ทำไมวันนี้ถึงเกิดงอแงขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ หรืออารมณ์ "ติสท์แตก" กันนะ
เฮ้อ...
<<<อย่างนี้จะเรียกว่า "งอแง" จน "งี่เง่า" หรือเปล่านะ>>>
ก็มันเหงานี่หน่า อย่ามาบอกว่าเหงาอะไรคนออกเต็มบ้านเต็มเมือง แหม..ม... ถึงรอบตัวจะมีคนอยู่มากมาย แต่มันก็ไม่เหมือนกับคนที่เราต้องการซะหน่อย ไม่มีใครแทนใครได้ ++จริงม๊ะ++
ไม่ได้ติดหนึบจนแยกไม่ออก ไม่ใช่เห็บ เอ๊ย! เหา ที่ต้องอาศัย host ให้มีชีวิตรอด แต่มันเป็นเรื่องทางใจน่ะ..เข้าใจป่ะ ??
ถ้าคุณเคยมีความรัก มันก็ต้องมีบ้างแหละที่ไม่อยากห่างกัน (ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าอีกคนนึงรู้สึกเหมือนกัน)แต่กรณีอย่างเรา ดัน "รู้ตัวช้า" กว่าจะคิดได้ว่า "รัก" ก็เมื่อมันเกือบจะสายเกินไป ความรักเกือบเดินสวนทางกันไปแล้ว..นี่แหละที่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะดีใจดีหรือเปล่าที่มารู้ใจตัวเองได้ทันที่จะเกาะปลายขากางเกงไว้ก่อนที่จะเดินผ่านกันไปความรักมันเลยออกจะรุ่งริ่งไปสักหน่อย..
ที่มาพล่ามอยู่เนี่ย ก็ไม่ใช่มาบอกว่าเค้าไม่รัก อย่างโน้นอย่างนี้หรอกนะ
รู้แหละว่าเค้าก็รักเราอยู่บ้าง.. (มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่คาดว่าคงจะเป็นอันดับกลางๆ ในความคิด และไม่อยากรู้ด้วย เพราะทำใจไม่ได้ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีความสำคัญน้อยมากๆ) แต่บางทีมันก็น้อยใจน่ะ.. เค้าดูเรื่อยๆ เฉยๆ มีความสุขกายสบายใจ ไม่ทุกข์ร้อนอะไน มันช่างผิดกับเราที่ดิ้นพล่านอยู่คนเดียว เฝ้ารอเมื่อไหร่นะ (เค้า) จะ (มีเวลา) ได้เจอกัน นานๆ เข้าก็จะมีอารมณ์กรุ่นๆ ขึ้นมาบ้าง
"#$%^&@!*" ---> อยากจะบ่น แต่ไม่รู้จะพูดออกมาว่ายังไงถึงจะเข้าใจได้
ใช่สิ! คุณทำใจได้แล้วนี่ มีชั้นหรือไม่มี ก็อยู่ได้สบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไร
"พี่ทำใจได้แล้ว ถ้าเจอใครที่ดีกว่าก็ไป พี่อยู่คนเดียวได้สบายๆ" ..บลาๆๆๆ..
แต่ชั้นสิ..ใจมันเร่าๆ อยากเจออยู่ตลอดทุกวัน แต่ไม่อยากพูดมากกว่า พูดไปก็หาว่าเราหลง
"ไม่อยากได้ใครอื่นแล้วนี่ ก็มันรักคนนี้อ่ะ ไม่ใช่ตานี่ก็ไม่เอาแล้ว ไม่อยากไปให้ใครหลอกอีกแล้ว" ...เมื่อไหร่จะเชื่อสักทีนะ..
บ้าๆ หน่อยก็จะคิดว่า ถ้าชั้นเป็นอย่างนั้นมั่ง เรื่อย..เฉย..เจอก็ได้..ไม่เจอก็ไม่เป็นไร.. ถ้าเป็นอย่างนั้นความรักมันจะมีอยู่ไหมนะ??
บางทีก็ฟุ้งซ่านไปเรื่อย น้อยใจ.. ร้องไห้.. อ่อนแอ.. ท้อ!!! จนคิดว่าอยากจะเลิกรักเสียจริงๆ ก็ถ้ารักแล้วมันต้องทุกข์ใจขนาดนี้ มันทรมาณนะ!!! แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าชะมัด!! แต่ชีวิตมันก็เหมือนเรื่องตลกที่แมร่งดูยังไงก็ไม่ขำ -_-" มันออกเฝื่อนๆ ซะมากกว่า สมน้ำหน้าตัวเองง่ะ จะรู้จักความรักก็เมื่อรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
หรือว่ามันคือการใช้กรรม?
มรึงเอ๊ย... งอแงไปก็เท่านั้น ใครจะสงสาร ก็ทำคนอื่นเค้าไว้เยอะหนิทำให้เค้ารัก แล้วก็ไม่มีเวลาให้เค้า ไม่เคยดูแลความรัก ทำให้เค้าเจ็บสุดๆ ทีนี้จะต้องการความรักเต็มที่จากเค้ามันจะได้เหรอ..
แล้วสุดท้ายจะต้องเจ็บเหมือนที่เค้าเคยเจ็บหรือเปล่า??
ถ้าเป็นอย่างนั้นขอเจ็บเลยได้มั๊ย มันทรมาณจัง T_T สุขๆ เศร้าๆ เนี่ย ฮือๆๆๆ ไม่ชอบเลยจริงๆ
จะ "รัก" หรือ "ไม่รัก" ว่ามาเลยดีกว่า!!!!
รู้อยู่ว่า "คนนี้" คือ "คนนั้น"
แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่คนเดิมที่ทำให้เราตกหลุมรัก
มีอย่างเดียวที่เหมือน คือ เค้ารู้ว่าเราคิดอะไร แต่นั่นแหละ รู้แต่แกล้ง นี่มันเจ็บแสบกว่าไม่รู้หลายเท่านัก!!!
โอ๊ยย..ย สับสนเว้ย~~~~ย
เอ้า! มิวสิค!!
..มันเหนื่อยมันท้อ ต้องรออีกนานเท่าไหร่ ยิ่งหวังยิ่งไกลออกไปทุกที....
จะมีวันได้เป็นที่หนึ่งของใครอีกไหมวะเนี่ย เฮอะ!!!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)