กำลังสองจิตสองใจกับเจ้า "e-mail ยามเช้า เวอร์ชั่นน้ำตาซึม"
ว่าจะส่งไปให้เจ้าตัวอ่าน หรือว่า จะเก็บไว้เป็นความลับคับอกตัวเอง อันไหนจะดีกว่ากัน
คิดไปคิดมา...
ส่งไปมันก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น นอกจากจะมีเสียงถอนหายใจแบบเซ็งๆ ที่คนฟังยิ่งเซ็งมากขึ้นอีกเอามาแปะที่นี่ ท่าจะดีที่สุด แต่ยังไงซะมันก็ไม่ได้ถ่ายทอดสด ดีกรีความสมจริงก็อาจจะลดลงบ้างนะ
สวัสดีค่ะ
ขอโทษที่เมื่อคืนทำให้หงุดหงิด รู้ว่างี่เง่าไปจริงๆสารภาพตามตรงว่าอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะมันเหงาน่ะ รู้ว่าพี่มีธุระต้องทำ และก็เพิ่งเจอกันเมื่อวันหยุด พี่ต้องทำงานแต่ก็ยังแวะมาหาหลังเลิกงานก็น่าจะพอใจแล้ว
แต่ไหนๆ แน็ตก็อยู่แถวนั้นเลยอยากเจอน่ะ ถึงปากจะไม่เซ้าซี้ ดื้อดึงจะต้องเจอให้ได้ แต่ในใจมันรู้สึกว่ามีแต่เราที่อยากเจอเค้าข้างเดียว มันก็เลยยิ่งตอกย้ำความคิดว่า พี่ไม่ได้รักแน็ตอย่างที่แน็ตรักพี่ ..ก็เลยเสียใจ..
พอรู้สึกแย่ๆ ก็ไม่อยากอยู่คนเดียว เลยไปเดินเล่น หาอะไรทำ ซึ่งมันก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเท่าไหร่ นอกจากเวลาเดินดูโน่นดูนี่ ช่วงเวลาเล็กๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรนั่นแหละ
ใจก็เหนื่อย กายก็ล้า เลยลากสังขารกลับบ้านพยายามทำตัวร่าเริง ไม่อยากให้พี่หงุดหงิดที่ได้ยินเสียงอมทุกข์แต่พี่คงจะไม่เข้าใจ ปนรำคาญว่าเดี๋ยวก็อารมณ์ดี เดี๋ยวก็เศร้า ปรับไม่ทันที่จริงน่ะเศร้าตลอดค่ะ มันน้อยใจ มันเสียใจ แต่ก็รู้ไงว่าพี่ไม่ง้อแน่ๆ ไม่อยากได้ยินอะไรที่บั่นทอนกำลังใจตัวเองไปมากกว่านั้นแต่แล้วก็ปากหาเรื่องไปถามเอาคำตอบสะกิดหัวใจขึ้นมาเอง
"คิดถึง.. บ่อยๆ ก็รำคาญ แต่ก็ทนได้ ถ้าทำให้อีกคนนึงสบายใจ"
โห มันโดนเลยนะ พี่คงหงุดหงิดมากแหละถึงได้พูดอย่างนี้ แสดงว่าเราทำให้เค้ารู้สึกไม่ดีแล้วล่ะที่จริงมันก็ดีที่พี่เป็นคนพูดตรงๆ แต่แน็ตเองที่รับความจริงไม่ได้มากกว่า ไม่เชิงว่ารับไม่ได้สิ มันอึ้งชั่วขณะ เหมือนมันต้องมีเวลาให้คิดก่อนจึงจะเข้าใจขอบคุณค่ะ ที่พูดตรงๆ มันดีกับตัวแน็ตมากกว่าจริงๆ แหละ
ตลอดเวลาที่ผ่านมารู้สึกเกรงใจอยู่ตลอดที่เหมือนตัวเองไปเป็นภาระให้อย่างที่พี่บอกว่าตอนนี้ความสนใจพี่มุ่งไปที่งาน ที่อนาคตมากกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆเรื่องรักในตอนนี้มันเป็นแค่มุมเล็กๆ ที่รู้สึกบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็สามารถหาอะไรอื่นมาทำให้ลืมไปได้
แต่สำหรับแน็ตแล้ว ยิ่งในเวลาที่มันเคว้งคว้างอย่างนี้ แน็ตต้องการความรักและกำลังใจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้เหมือนอย่างที่ใจเคยคิดไว้ อยากรักก็รัก ไม่ต้องคอยเก็บไว้ในใจ พูดไม่ได้ แสดงออกไม่ได้ เพราะมีชนักติดหลังอยู่ มันทรมาณมากเลยนะ
(แต่ไม่รู้สินะ เท่าที่คุยกัน รู้สึกเหมือนพี่จะชอบให้แน็ตเป็นอย่างนั้นมากกว่า ไม่แสดงออกอะไรมาก คิดอะไรก็ไม่พูด รักหรือเปล่าก็ไม่บอก ต้องให้พี่ถามเองด้วยซ้ำว่ารักบ้างไหม)
รึอย่างนั้นมันท้าทายมากกว่า แต่น่าเสียดายที่แน็ตไม่ใช่พวกใจแข็งอะไรอย่างนั้นซะด้วย ปากแข็งน่ะใช่ ที่เป็นตอนนี้แหละค่ะ ตัวจริง อ่อนไหว งอแง และงี่เง่า
เมื่อคืนจาโทรมาหา เจอแน็ตกำลังสะอื้น ก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรไหมก็บอกไปว่าไม่เป็นไร คิดมากเองเลยเสียใจเองน่ะเค้าก็ถามว่าเรื่องพี่ใช่ไหม แล้วก็ถามอะไรอีกหลายอย่างที่ฟังแล้วมันตรงกับที่ใจกำลังคิดก็เลยร้องไห้ใส่เค้าไปซะรอบนึง
ได้ระบายมันก็ดีขึ้นนะ แต่ยังไงแน็ตก็คงไม่กลับไปคบกับเค้าแบบเดิมอีกแล้ว เพราะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ไม่เอาอีกแล้วความรักแบบนั้น แน็ตไม่ได้มีใจชอบผู้หญิงในแบบนั้นตั้งแต่แรกคบไปมันก็ทรมาณใจทั้งสองฝ่าย เค้าก็ไม่ได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ ส่วนเราก็ต้องฝืนใจตัวเอง จะทำไปทำไม
แน็ตยอมร้องไห้เสียใจเรื่องพี่ เพื่อสักวันมันจะมีจุดที่ลงตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดีกว่าที่จะกลับไปในวังวนเดิมตอนนี้แน็ตเลือกที่จะรักพี่ ไม่ว่ามันจะต้องเจออะไรก็เต็มใจที่จะรับอย่างน้อยก็ดีใจว่า เราพยายามแล้วที่จะมีความรักอย่างเต็มที่กับใครสักคน
นอนร้องไห้จนหลับไปตอนตีหนึ่งมั๊ง สะดุ้งตื่นมาตอนตีห้ากว่า แล้วก็หลับตานอนต่อตื่นมาอีกที 7 โมง พอสมองได้พักบ้าง ก็คิดได้ว่า "ช่างมัน" อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
จะต้องพยายามทำใจให้ได้!!
ต่อไปนี้จะไม่เอาความรู้สึกเก่าๆ มาคิดอีกแล้ว
ในเมื่อทุกอย่างมันไม่ได้เริ่มต้นจากจุดเดิมที่จากมา เราจะไปหลอกตัวเองอยู่ทำไม??
ถ้าเอาความรู้สึกนั้นมาคิดก็จะมีแต่เราที่ต้องเจ็บ
เริ่มต้นกันใหม่
เราเป็นคนที่กำลังดูๆ กัน อย่างที่พี่พูดไว้
สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าทุกวันนี้แหละคือความจริง
ถ้าแกร่งไม่ได้ ก็ตายไปซะ 555
หัวใจ อย่าไปผูกติดกับปลายตีนใคร ถ้าเค้าจากไป เราจะไม่เหลืออะไรเลย นอกจากรอยเท้าให้เจ็บช้ำ..
ถึงเมื่อเช้าจะคิดอย่างนี้แต่ทำไมนะ เกือบจะเลิกงานแล้ว ใจมันก็ยังเฝ้ารอเมลที่จะเข้ามาอยู่ดี
ถึงจะไม่ใช่เด็กอายุ 17-18 แล้วยังไง
จะไม่รู้สึกอะไรกับความรักเลยอย่างนั้นเหรอ
ต้องนิ่งเงียบ ไม่แสดงออก ไม่หวั่นไหว
อย่างนั้นใช่ไหมถึงจะเป็นผู้ใหญ่พอ??
ลืมไปแล้วมั๊งคะ ว่าวันที่เรามีความรัก เรารู้สึกอย่างไร??
วันอังคาร, พฤศจิกายน 25, 2551
วันจันทร์, พฤศจิกายน 10, 2551
น้ำยา หรือ น้ำเปล่า?? ### เวทมนต์ - ผีหลอก - ละเมอ??
วันนี้ได้รับบทเรียนราคาแพงอีกแล้ว
ไม่นึกเหมือนกันว่าการที่เราพยายามเป็นเพื่อน กลับทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกาย ทางใจ และที่สำคัญคือทำให้คนที่เรารักและรักเราต้องผิดหวังกับการ
"ไม่รู้จักเจ็บ" ของตัวเราเอง (อย่างที่เค้าพูด)
แต่สำหรับตัวเองเราว่า
"เจ็บไม่รู้จักจำ" มากกว่านะ
ใครจะไปคิดล่ะว่า (แต่คนอื่นคิดหมดยกเว้นตัวเราเอง) แค่เวลาไม่ถึง 3 นาที "น้ำยา" กลายเป็น "น้ำเปล่า" ได้ในบัดดล จะบอกว่ามันผิดมาแต่แรกมันก็ไม่ใช่ เพราะเราเป็นคนเปิดขวดเองมันก็ยังเป็นยานี่หว่า แต่เราเองก็ประมาทซ้ำๆ ทั้งที่สงสัยตั้งแต่แรกกลับไม่พิสูจน์ให้แน่ใจตั้งแต่ตอนนั้น ทำได้แค่คิดๆๆๆ แต่ไม่ทำ เฮ้อ.. ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็เถอะ ก็คือ "ประมาทในการใช้ชีวิต" อยู่ดีนั่นแหละนะ
อภัย ครั้งที่หนึ่ง คือ คนปกติ
อภัย ครั้งที่สอง คือ คนมีจิตใจดี
อภัย ครั้งที่สาม คือ พระเวสสันดร
ถ้ามีครั้งที่สี่ สงสัยเป็นควายอย่างแน่แท้ -_-"
วินาทีที่เปิดกล่องยาใหม่ออกมา ความข้องใจที่มีก็กระจ่างในทันที
..โดนเข้าไปอีกแล้วรึเนี่ย..
ยิ่ง 2-3 นาทีต่อมาที่ดิ้นทุรนทุราย น้ำตาร่วง อยู่ในรถคนเดียว ทั้งปวดหู ปวดหัว และความเสียใจทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน
ท่าทีแสดงความเป็นเพื่อนที่มีนั่น เสแสร้งล้วนๆ เลยสินะ...แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็คงไม่สามารถทำได้ ตระหนักแล้วว่าเค้าไม่ได้หวังดีต่อเราเลย ..คิดได้เมื่อสายไปอีกตามเคย..
ที่ผ่านมาแม้เราจะคิดถึงความสัมพันธ์ดีๆ เมื่อก่อน อยากให้ปรับตัวเป็นเพื่อนกัน แต่เค้าก็ไม่ได้คิดแม้สักนิด ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ การติดต่อคงต้องตัดขาดไปเลยจริงๆ สักที เจ็บตัวน่ะ ไม่เท่าไหร่ เสียใจหนักกว่าที่ทำให้คนที่เค้าแคร์เราต้องผิดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ แม้เราจะยืนยันอย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมาเลิก เราเลิกรักแบบนั้นแน่ๆ แต่ยังอยากเป็นเพื่อนอยู่ แต่จากนี้ต่อไปแม้แต่เพื่อนก็คงไม่เอาแล้ว ความระแวงมันมีมากกว่าความไว้ใจ อย่างนี้ฝืนคบกันไปก็คงมีปัญหามาไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี เพราะงั้นเราถึงเอ่ยปากขอตัวช่วย อยากตัดให้ขาดจริงๆ เสียที
ส่วนเรื่องทางตัวเราเอง ก็คงต้องทำอย่างที่เค้าบอก "เวลา" "พฤติกรรม" เท่านั้นที่จะพิสูจน์ทุกสิ่ง ในเมื่อเราเลือกที่จะรักเค้าแล้ว เราก็ไม่อยากทำให้เค้าผิดหวังอีกต่อไป
มั่นใจนะว่า "รัก" ที่มีอยู่ในใจจะทำให้เราสามารถฝ่าฟันความรู้สึกนี้ไปได้
แต่บางที รักเองก็ต้องการยาของหัวใจนะ
ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างปกติสุขดี
ลึกๆ ในใจยังมีความข้องใจอยู่ตลอดว่า เราเป็นอะไรสำหรับเค้ากันหนอ
บางทีก็อ่อนโยน อบอุ่น ทำให้หัวใจพองโต รู้สึกเป็นสุขที่สุดจนไม่อยากให้เวลาผ่านไป
แต่บางครั้งรู้สึกเหมือนหายใจขัดๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไงถึงจะเหมาะสมในเวลานั้น
เวลารักใครจริงจังต้องรู้สึกแบบนี้หรือ??
สับสน..วุ่นวายใจ..
เมื่อไหร่นะ ชีวิตจะรู้สึกมีความสุขได้จริงๆ เสียที
ไม่นึกเหมือนกันว่าการที่เราพยายามเป็นเพื่อน กลับทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางกาย ทางใจ และที่สำคัญคือทำให้คนที่เรารักและรักเราต้องผิดหวังกับการ
"ไม่รู้จักเจ็บ" ของตัวเราเอง (อย่างที่เค้าพูด)
แต่สำหรับตัวเองเราว่า
"เจ็บไม่รู้จักจำ" มากกว่านะ
ใครจะไปคิดล่ะว่า (แต่คนอื่นคิดหมดยกเว้นตัวเราเอง) แค่เวลาไม่ถึง 3 นาที "น้ำยา" กลายเป็น "น้ำเปล่า" ได้ในบัดดล จะบอกว่ามันผิดมาแต่แรกมันก็ไม่ใช่ เพราะเราเป็นคนเปิดขวดเองมันก็ยังเป็นยานี่หว่า แต่เราเองก็ประมาทซ้ำๆ ทั้งที่สงสัยตั้งแต่แรกกลับไม่พิสูจน์ให้แน่ใจตั้งแต่ตอนนั้น ทำได้แค่คิดๆๆๆ แต่ไม่ทำ เฮ้อ.. ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็เถอะ ก็คือ "ประมาทในการใช้ชีวิต" อยู่ดีนั่นแหละนะ
อภัย ครั้งที่หนึ่ง คือ คนปกติ
อภัย ครั้งที่สอง คือ คนมีจิตใจดี
อภัย ครั้งที่สาม คือ พระเวสสันดร
ถ้ามีครั้งที่สี่ สงสัยเป็นควายอย่างแน่แท้ -_-"
วินาทีที่เปิดกล่องยาใหม่ออกมา ความข้องใจที่มีก็กระจ่างในทันที
..โดนเข้าไปอีกแล้วรึเนี่ย..
ยิ่ง 2-3 นาทีต่อมาที่ดิ้นทุรนทุราย น้ำตาร่วง อยู่ในรถคนเดียว ทั้งปวดหู ปวดหัว และความเสียใจทุกอย่างประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน
ท่าทีแสดงความเป็นเพื่อนที่มีนั่น เสแสร้งล้วนๆ เลยสินะ...แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็คงไม่สามารถทำได้ ตระหนักแล้วว่าเค้าไม่ได้หวังดีต่อเราเลย ..คิดได้เมื่อสายไปอีกตามเคย..
ที่ผ่านมาแม้เราจะคิดถึงความสัมพันธ์ดีๆ เมื่อก่อน อยากให้ปรับตัวเป็นเพื่อนกัน แต่เค้าก็ไม่ได้คิดแม้สักนิด ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ การติดต่อคงต้องตัดขาดไปเลยจริงๆ สักที เจ็บตัวน่ะ ไม่เท่าไหร่ เสียใจหนักกว่าที่ทำให้คนที่เค้าแคร์เราต้องผิดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ พูดไปคงไม่มีใครเชื่อ แม้เราจะยืนยันอย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมาเลิก เราเลิกรักแบบนั้นแน่ๆ แต่ยังอยากเป็นเพื่อนอยู่ แต่จากนี้ต่อไปแม้แต่เพื่อนก็คงไม่เอาแล้ว ความระแวงมันมีมากกว่าความไว้ใจ อย่างนี้ฝืนคบกันไปก็คงมีปัญหามาไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี เพราะงั้นเราถึงเอ่ยปากขอตัวช่วย อยากตัดให้ขาดจริงๆ เสียที
ส่วนเรื่องทางตัวเราเอง ก็คงต้องทำอย่างที่เค้าบอก "เวลา" "พฤติกรรม" เท่านั้นที่จะพิสูจน์ทุกสิ่ง ในเมื่อเราเลือกที่จะรักเค้าแล้ว เราก็ไม่อยากทำให้เค้าผิดหวังอีกต่อไป
มั่นใจนะว่า "รัก" ที่มีอยู่ในใจจะทำให้เราสามารถฝ่าฟันความรู้สึกนี้ไปได้
แต่บางที รักเองก็ต้องการยาของหัวใจนะ
ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตในทุกๆ วันอย่างปกติสุขดี
ลึกๆ ในใจยังมีความข้องใจอยู่ตลอดว่า เราเป็นอะไรสำหรับเค้ากันหนอ
บางทีก็อ่อนโยน อบอุ่น ทำให้หัวใจพองโต รู้สึกเป็นสุขที่สุดจนไม่อยากให้เวลาผ่านไป
แต่บางครั้งรู้สึกเหมือนหายใจขัดๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไงถึงจะเหมาะสมในเวลานั้น
เวลารักใครจริงจังต้องรู้สึกแบบนี้หรือ??
สับสน..วุ่นวายใจ..
เมื่อไหร่นะ ชีวิตจะรู้สึกมีความสุขได้จริงๆ เสียที
วันศุกร์, พฤศจิกายน 07, 2551
ในที่สุดมันก็มาเยือน!!!
โอ้ ก็อต....ต
ไม่จริง!!!!มันต้องไม่จริงแน่ๆ
มาได้ไงวะเนี่ย "ผมหงอก"
เครียดเว้ย~ ย กรรมติดจรวดจริงๆ เมื่อวานเพิ่งจะไปถอนผมหงอกใครบางคนมา 2 เส้นคือที่จริงเห็นมาสักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่กล้าไปแหวกดูชัดๆ กลัวจะโดนว่าเล่นหัวผู้ใหญ่อีก เคยโดนมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกอายง่ะเพราะเราก็ไปเล่นหัวเค้าจริงๆ จำฝังใจ ตั้งแต่นั้นมาไม่กล้าไปเล่นอีกเลย กลัวว..ว อย่าว่าเค้านะ..ตะเอง (ต๊องส์โคตร 555)
แต่เมื่อวานอดไม่ได้จริงๆ เริ่มจากลูบต้นคอก่อน ไปๆ มาๆ เลยไปเล่นผมเค้าซะแล้วก็เลยไปถอนหงอกติดมือมาซะ 2 เส้น (เลือกเอาเส้นที่มันเห็นชัดที่สุด อยู่บนสุด จะได้มีข้ออ้างว่าเพื่อความสวยงามค่ะ)ที่จริงน่ะกำลังมันส์มือได้ที่ แหะๆคิดอีกทีถ้าถอนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวผมจะบางไปซะก่อน เกรงใจพี่เค้าอ่ะ
ใครจะไปคิดว่าวันนี้นั่งทำงานอยู่ดีๆ
มีคนมาบอกว่า พี่~~~~ มีผมหงอกด้วย ว่าแล้วมันก็ดึงเลย..
ตรูยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ T_T เอ็งรู้จักคำว่าขออนุญาตบ้างป่าววะเนี่ย ไอ้แพร!!!)
"ปึ้ด"
เสียงหงอก 1 เส้น หลุดออกจากหัว พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเรา
"กร๊าซ.....ซซซซ....ซ"
เจ็บน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่... หงอกได้ไงวะ เครียดๆๆ
เครียดมากเกินไปรึเปล่า???
คิดมากไปแน่ๆ เลยช่วงนี้
ไม่อยากจะคิดเลยว่า .... ... ... .. ..หรือว่าเราจะแก่ไปแล้วจริงๆ ง่ะ
เรื่องเศร้าประจำเย็นวันศุกร์ ฮือๆๆๆ
ไม่จริง!!!!มันต้องไม่จริงแน่ๆ
มาได้ไงวะเนี่ย "ผมหงอก"
เครียดเว้ย~ ย กรรมติดจรวดจริงๆ เมื่อวานเพิ่งจะไปถอนผมหงอกใครบางคนมา 2 เส้นคือที่จริงเห็นมาสักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่กล้าไปแหวกดูชัดๆ กลัวจะโดนว่าเล่นหัวผู้ใหญ่อีก เคยโดนมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกอายง่ะเพราะเราก็ไปเล่นหัวเค้าจริงๆ จำฝังใจ ตั้งแต่นั้นมาไม่กล้าไปเล่นอีกเลย กลัวว..ว อย่าว่าเค้านะ..ตะเอง (ต๊องส์โคตร 555)
แต่เมื่อวานอดไม่ได้จริงๆ เริ่มจากลูบต้นคอก่อน ไปๆ มาๆ เลยไปเล่นผมเค้าซะแล้วก็เลยไปถอนหงอกติดมือมาซะ 2 เส้น (เลือกเอาเส้นที่มันเห็นชัดที่สุด อยู่บนสุด จะได้มีข้ออ้างว่าเพื่อความสวยงามค่ะ)ที่จริงน่ะกำลังมันส์มือได้ที่ แหะๆคิดอีกทีถ้าถอนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวผมจะบางไปซะก่อน เกรงใจพี่เค้าอ่ะ
ใครจะไปคิดว่าวันนี้นั่งทำงานอยู่ดีๆ
มีคนมาบอกว่า พี่~~~~ มีผมหงอกด้วย ว่าแล้วมันก็ดึงเลย..
ตรูยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ T_T เอ็งรู้จักคำว่าขออนุญาตบ้างป่าววะเนี่ย ไอ้แพร!!!)
"ปึ้ด"
เสียงหงอก 1 เส้น หลุดออกจากหัว พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเรา
"กร๊าซ.....ซซซซ....ซ"
เจ็บน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่... หงอกได้ไงวะ เครียดๆๆ
เครียดมากเกินไปรึเปล่า???
คิดมากไปแน่ๆ เลยช่วงนี้
ไม่อยากจะคิดเลยว่า .... ... ... .. ..หรือว่าเราจะแก่ไปแล้วจริงๆ ง่ะ
เรื่องเศร้าประจำเย็นวันศุกร์ ฮือๆๆๆ
วันจันทร์, พฤศจิกายน 03, 2551
อะไร คือ ความเป็นจริง??
ยังมีเรื่องให้สับสนไม่เลิกแฮะ
ตกลงว่า "เจ้าหมอนั่น" มีตัวตนจริงๆ หรือเปล่าหว่า??
แต่ถึงไม่มีก็ถือว่าเราบอกผ่านความรู้สึกตัวเองไปถึงเค้าในอีกรูปแบบหนึ่งก็แล้วกันนะ
(ถ้าเค้าเกิดอ่านแล้วคิดได้ขึ้นมาบ้างน่ะ)
ถ้ามีจริงก็ดี อยากให้มีใครสักคนให้ความดูแลจาแทนเราได้ ซึ่งเท่าที่ได้ยินมาก็เข้าขั้น PERFECT! เลยทีเดียว (ไม่นับว่าเป็นผู้หญิงอ่ะนะ) รูปร่าง+หน้าตาดี ชาติตระกูลดี ฐานะดี การศึกษาดี ทุกอย่างดีไปหมด เพราะงั้นมันคงดีกว่าอยู่กับเราเยอะ แต่จะทำยังไงให้จาหันไปมองเค้าได้หว่า แต่จะว่าไปเราก็ทำได้แค่เชียร์อยู่ห่างๆ เพราะมันก็เรื่องของคนสองคนไม่มีใครตัดสินใจแทนได้
มาดูเรื่องของตัวเองดีกว่า
ก็สุขๆ ดิบๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนๆ ทุกอย่างจะลงตัว แต่มันก็ยังไม่ลงตัว 555
ชีวิตก็อย่างนี้ล่ะนะ ตราบเท่าที่ยังอารมณ์ดีๆ อะไรๆ ก็ยังพอทำใจให้ไปเรื่อยๆ ได้ แต่หากวันไหนจิตตกขึ้นมา น้ำตาร่วงได้ทันทีเหมือนกัน
อย่างเมื่อวานอยู่ๆ ก็หมดแรงซะงั้น นอนกระพริบตาปริบๆ น้ำตาไหล พยายามไม่คิดอะไร ใจแมร่งก็ไม่ฟังซะเลย เหมือนยิ่งว่ายิ่งยุ คิดๆๆๆ จนในที่สุด ไม่ไหวแล้วเว้ย~~~ย นอนอยู่เฉยๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรแล้ว!! แต่พอสักพักมีกำลังใจขึ้นมา อาการงี่เง่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง ตกลงว่าชั้นอ่อนแอ หรือเข้มแข็งกันแน่ฟะเนี่ย..
ตกลงว่า "เจ้าหมอนั่น" มีตัวตนจริงๆ หรือเปล่าหว่า??
แต่ถึงไม่มีก็ถือว่าเราบอกผ่านความรู้สึกตัวเองไปถึงเค้าในอีกรูปแบบหนึ่งก็แล้วกันนะ
(ถ้าเค้าเกิดอ่านแล้วคิดได้ขึ้นมาบ้างน่ะ)
ถ้ามีจริงก็ดี อยากให้มีใครสักคนให้ความดูแลจาแทนเราได้ ซึ่งเท่าที่ได้ยินมาก็เข้าขั้น PERFECT! เลยทีเดียว (ไม่นับว่าเป็นผู้หญิงอ่ะนะ) รูปร่าง+หน้าตาดี ชาติตระกูลดี ฐานะดี การศึกษาดี ทุกอย่างดีไปหมด เพราะงั้นมันคงดีกว่าอยู่กับเราเยอะ แต่จะทำยังไงให้จาหันไปมองเค้าได้หว่า แต่จะว่าไปเราก็ทำได้แค่เชียร์อยู่ห่างๆ เพราะมันก็เรื่องของคนสองคนไม่มีใครตัดสินใจแทนได้
มาดูเรื่องของตัวเองดีกว่า
ก็สุขๆ ดิบๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนๆ ทุกอย่างจะลงตัว แต่มันก็ยังไม่ลงตัว 555
ชีวิตก็อย่างนี้ล่ะนะ ตราบเท่าที่ยังอารมณ์ดีๆ อะไรๆ ก็ยังพอทำใจให้ไปเรื่อยๆ ได้ แต่หากวันไหนจิตตกขึ้นมา น้ำตาร่วงได้ทันทีเหมือนกัน
อย่างเมื่อวานอยู่ๆ ก็หมดแรงซะงั้น นอนกระพริบตาปริบๆ น้ำตาไหล พยายามไม่คิดอะไร ใจแมร่งก็ไม่ฟังซะเลย เหมือนยิ่งว่ายิ่งยุ คิดๆๆๆ จนในที่สุด ไม่ไหวแล้วเว้ย~~~ย นอนอยู่เฉยๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรแล้ว!! แต่พอสักพักมีกำลังใจขึ้นมา อาการงี่เง่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง ตกลงว่าชั้นอ่อนแอ หรือเข้มแข็งกันแน่ฟะเนี่ย..
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)