วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 31, 2551

ดีค่ะ ดีไปทุกอย่างเลย..ย

สุขสันต์วันปกติค่ะ วันนี้ชีวิตชิวๆ ไม่มีอะไรมากมาย หลังจากที่เพิ่งจะได้ดูว่างานที่ตัวเองคิดว่าลนก้นอยู่นั้น มันดูผิดประเทศไปนิดนึง กลายเป็นอันที่เค้าขอ postpone ไปก่อนก็เลยมีเวลาหายใจหายคอได้มากขึ้นนิดส์...ส์

มีประโยคจากรุ่นพี่คนนึง ที่มันยังดังก้องอยู่ในหัวอยู่เรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่านานๆ ทีตัวเองจะตอบคำถามแบบโดนใจตัวเองซักที

เรื่องมันมีอยู่ว่า...วันก่อนนัดกินข้าวกะพี่ๆ เพื่อนร่วมรุ่น ป.โท หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานมากๆ เกินครึ่งปีแล้วมั๊งแล้วทีนี้นัดไปนัดมาได้มาเกือบครบซะนี่ แล้วยังมีเพื่อนเด็ก day program ที่สนิทกันอีก 2 คนมาร่วมแจม (เรียนด้วยกันก็จริง แต่รู้สึกเหมือนจะเจอ evening program มากกว่าอ่ะ)พอมาเจอกันก็เลยมานั่งอัปเดตข่าวสารกันซะหน่อย

หลังจากที่ทราบข่าว ค(ร)าวของเพื่อนสาวทั้งสองไปแล้ว ก็หวนเข้าหาตัวเอง เหอๆๆ รายสุดท้ายก็เลย "เปิดอก" คุยกันซะว่าอะไรเป็นยังไง ว่ากันตรงๆ โดยสาวๆ ทั้งสองก็มาร่วมฟังในทีเดียวรุ่นพี่คนนึงที่เคยเจอและก็เคยไปเที่ยวด้วยกัน ก็เปิดมาเลยว่า

เจอกันบ้างไหม เป็นไงมั่ง..

"ไม่ได้เจอเลยค่ะพี่ ปีนี้ทั้งปี ได้เจอกัน 2 ครั้ง"
"ไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์เหมือนเมื่อก่อน"
"แต่เมลคุยกันเรื่อยๆ""รวมๆ แล้วก็ห่างมากกว่าเมื่อก่อนอ่ะพี่"

แกนะ... เสียดาย เค้าออกจะเป็นคนดี
แรกๆ พี่ก็กลัวว่าเค้าจะมาหลอกหรือเปล่า
แต่พอคุยๆ ดู เค้าก็ดีนะแกดูเค้ารักแกมาก เห็นห่วงเป็นใย
แล้วเค้าก็เป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น ดูแลแกได้ พี่ว่าเค้าเหมาะกับแกมากเลยแหละ

"เหรอพี่ หนูก็คิดงั้นเหมือนกันแหละ"

แล้วแกไม่สงสารเค้าเหรอ พี่ว่าเค้าคงรู้สึกแย่ไปเลยแหละ

"ก็คงแย่แหละพี่ คิดดูดิ อยู่คนเดียวมันเหงาแค่ไหน ไม่ต้องเจอด้วยตัวเองก็รู้ เห็นคนเดินด้วยกัน เรายังคิดเลย"
"สงสารเค้ามากเลยพี่ สงสารตัวเองด้วย แต่ก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไง ก็เลยเฉยๆ หยุดยืนนิ่งๆ ปล่อยให้โลกหมุนไป"
"ถ้าใช่ มันก็คงใช่เองแหละพี่ ไม่อยากฝืนใครแล้ว"

เค้าเป็นคนดีมากนะแกไม่เที่ยวเตร่ ไม่กินเหล้า เล่นกีฬา เลิกงานกลับบ้าน ไม่ไปไหน

"อ๋อ ใช่ค่ะพี่ ชอบเล่นกีฬามากเลยแหละ เวลาอยู่บ้านก็ทำงานบ้านเอง วันอาทิตย์นี่วันทำงานบ้านแห่งชาติเลยนะ"
"ที่บ้านนะ อย่างเรียบร้อย บ้านนี้ไม่กวาดดูดฝุ่นกับถูพื้นเท่านั้น แล้วเค้าพับผ้านะพี่ เรียบร้อยโคตร เห็นแล้วอายเลยแหละ"
"เคยเดินออกจากห้องน้ำเท้าเปียกนะ เค้าเดินเอาผ้าถูพื้นเช็ดตามเลยอ้ะ จำได้จนทุกวันนี้เลย"
"เที่ยวบ้างเหมือนกัน แต่ได้ยินเค้าว่าดูแลตัวเองดีนะ ก็ยังกลัวๆ เป็นห่วงว่าจะโดนเด็กหลอกเหมือนกันแหละ"
"เค้าก็ดีมาก รักเด็ก รักสันติ เหมือนที่พี่บอกแหละค่ะ"
"และเค้าดีมาก จิตใจดีจนไม่คิดจะแย่งเรากลับมาเลย"

ห้า..ห้า..ห้าคนฟังถึงกะเงียบแล้วก็สรุปจบด้วยว่า ทำอะไรแล้วคิดว่ามีความสุขก็ทำไปละกัน อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวก็รู้เองแหละ

ก็ไม่รู้นะว่าไอ้สุขๆ ทุกข์ๆ เศร้าๆ เนี่ย เค้าเรียกว่าใช้ชีวิตมีความสุขหรือเปล่าหว่ามันก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างในใจตลอดเวลามันก็มีอะไรให้ทำไปทุกๆ วันล่ะนะ จะบอกว่าไม่แฮปปี้เลยก็ไม่ใช่มันก็ดี ไปโน่น ไปนี่ สนุกๆ ขำๆ แต่มันก็เหงาๆ ลึกๆ ทั้งที่มีคนเดินด้วยตลอด (เหมือนฉลามกะเหาฉลามง่ะ)

แต่ที่แน่ๆ
ตอนนี้
เบื่อว้อยยยย

วันอังคาร, กรกฎาคม 29, 2551

ไว้อาลัย ตำรวจดีๆ คนหนึ่งค่ะ

วันนี้ไปอ่านไดของอดีต นรต.คนหนึ่ง (ที่ว่าเป็นอดีตเพราะย้อนเวลาไปในวันที่เค้าอัปไดฯ อ้ะ) เขียนได้น่ารักเชียว ตามแบบฉบับของเด็กวัยรุ่น (ปลายๆ??) มีศัพท์เด็กๆ และก็ภาษาวัยรุ่นๆ ที่อ่านแล้วก็อดอมยิ้มไปด้วยไม่ได้ จากชีวิตนักเรียนนายร้อยที่อยู่กันแบบผู้ชายล้วนๆ แสบสันต์สุดๆ

จนมาถึงวันที่เค้าเรียนจบออกมาทำหน้าที่รับใช้ชาติตามอุดมการณ์ที่คิดไว้ แบบประมาณว่า.. ตำรวจ แมน โคตรๆ.. ยิ่งอ่านก็ยิ่งได้เห็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายในชีวิตของผู้ชายคนนี้ แนวคิดและฝีปากของเค้าถูกถ่ายทอดออกมาได้น่าติดตามมากๆ แต่น่าเสียดาย....

น่าเสียดายจริงๆ ค่ะ เพราะเด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งจะได้ขึ้นเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนที่กลุ่มโจรใต้ปะทะกับหน่วยลาดตระเวณ ณ หลังเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา แล้วเค้าซึ่งเป็นหัวหน้าชุด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ปิดฉากชีวิตของผู้ชายดีๆ (เท่าที่รู้จักจากในไดฯ นะ) คนดีคนหนึ่งในวันคล้ายวันเกิดของตัวเค้าเองและแม่

เฮ้อ..มันน่าเศร้านะคะ

ยอมรับเลยว่าที่จริงแล้วเราเองก็ไม่ค่อยได้สนใจข่าวสารความเป็นไปของบ้านเมืองเท่าไหร่นัก ที่รู้ๆ อยู่บ้างก็จากหน้าหนังสือพิมพ์แล้วก็ข่าวในโทรทัศน์เท่านั้นเอง บางทีเวลาที่เราใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเมืองหลวง ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำและหลบห่ากระสุน ทำงานเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมืองอยู่สุดขอบชายแดน ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด กับชีวิตที่ไม่ปลอดภัย บางทีมันก็รู้สึกเหมือนคนละโลกกันเลยนะ ละค้อนน.. ละคอน..

พอได้มาอ่านสิ่งที่เค้าเขียนลงในไดอารี่มันก็ทำให้เข้าใจความคิดของคนกลุ่มนั้นได้จุดหนึ่ง (ช่างเป็นความคิดที่คนอย่างเราคิดไม่ถึงจริงๆ)

คนบางคน..มีชีวิตอยู่กับอุดมการณ์ที่ฝันใฝ่ ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี แม้ว่ามันจะลำบากสักเพียงใด พวกเค้าเหล่านั้นก็ทำได้ เพราะมีความสุขกับสิ่งนั้นจริงๆ เกษียณมาก็มีความสุขตามอัตภาพ ไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ก็สุขสบายใจ
แต่ คนบางคน..ใช้สารพัดวิธีเพื่อความเจริญก้าวหน้า แล้วพอเสวยสุข ลืมความลำบาก ลืมสิ่งที่ตัวเองเคยยึดมั่น ก็ลืมเพื่อนฝูงที่เคยเคียงข้างกัน
เฮ้อ (อีกที) ใดใดในโลกล้วน..อนิจจัง

ช่างคนพวกนั้นเถอะนะ

เอาเป็นว่า วันนี้ขอไว้อาลัยให้กับตำรวจหนุ่มที่น่าจะอนาคตไกล แต่ต้องจากโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควร
ขอให้ไปสู่สุขคตินะ หมวดตี้..

พฤกษก พกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง
โททนต์ เสน่งคง สำคัญหมาย ในกายมี
นรชาติ วางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา

(ได้มาจากไดฯ ของหมวดตี้เอง ที่ครั้งนั้นยกมาเพื่อกล่าวถึงรุ่นพี่ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์)

อีกอย่างที่อ่านแล้วขนลุก
เค้าเขียนไว้ว่า..
ปี 47 เสียรุ่นพี่ นรต รุ่น. 56
ปี 48 เสียรุ่นพี่ นรต รุ่น. 57
ปี 49 เสียรุ่นพี่ นรต รุ่น. 58
แล้วตัวเค้าเอา ก็เสียปี 51 นรต. รุ่น 60
เฮ้ออ.. ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ เกิดวันนี้ ตายวันพรุ่ง นี่สินะ ที่เค้าพูดกันว่าสังขารไม่เที่ยง..

เพิ่งเอามาลงน่ะค่ะ ที่จริงพิมพ์ๆ ไว้ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน คิดไป ทำงานไป มันก็เลยไม่เสร็จสักที หรือแม้แต่ว่ามันจะเสร็จแล้วก็ยังไม่มีโอกาสเอาไปแปะในบล็อกซะที วันทำงานมันก็วุ่นวายอย่างนี้แหละน้อ
พอถึงบ้านแล้วก็ไม่อยากจะเปิดอะไรแล้วค่ะ ไม่อยากคิด ไม่อยากทำ ตามประสาคนเฉื่อยที่ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับกิจกรรมส่วนตัว ไปเล่นคอมเค้าเดี๋ยวก็มีเรื่องอีก สู้ไม่ใช้ซะดีกว่า เล่นเกมส์ก็ได้ฟระ
คิดว่าตอนนี้ไม่มีของเก่าอะไรค้างแล้วนะ ไว้คิดอะไรใหม่ๆ จะรีบเอามาลง

เพลงหนัง..ฟังแล้วเศร้า..

"เมื่อยามฝนพรำเธอทำอะไร
เมื่อยามน้ำตารินไหลเธอคิดอะไรหรือเธอ
รอแสงสว่างหาทางออกไปไม่เจอ
ฝนในใจเธอจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่

กี่คราวที่ใจของเธออ่อนล้า
เจ็บเป็นเรื่องธรรมดา จะมาสิ้นหวังทำไม
ความทุกข์ความเศร้าลบเลือนให้เราเข้าใจ
เสียแล้วเสียไปเสียใจนานไปหรือเปล่า

มีวันที่ฝนซา มีวันที่ฟ้าเปิด มีดวงตะวันเคียงคู่ฟ้า
เพียงเธอเปิดหัวใจ เปิดทางให้ดวงตะวันสาดแสงมา
ให้น้ำตา เป็นยารักษาหัวใจ .......

ชีวิตนั้นมีเพื่อวันพรุ่งนี้ ที่เราต้องทำวันนี้เพื่อทำให้ดีให้ได้
ผิดหวังครั้งก่อนนั้นเป็นบทเรียนสอนใจ
ร้องไห้ทำไมเสียใจนานไปหรือเปล่า"

^
^^
ข้างบนนี้ที่จริงมันเป็นเนื้อร้องของเพลงประกอบละครเพลงหนึ่งที่เคยเป็น talk of the town ของชาวออฟฟิศแฟนละครหลังข่าวอยู่พักหนึ่ง อยากได้เพลงเต็มๆ อยู่เหมือนกันแต่ไม่มีเวลาและโอกาส ก็เลยได้มาเนื้อร้องเท่านั้น

ได้ยินเพลงนี้ทีไร รู้สึกเหมือน "หัวใจ" มันร้องไห้ไปด้วยทุกที
ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเพราะอะไร รู้สึกแต่เพียงว่าประโยคเหล่านี้มันกระทบความรู้สึกอย่างประหลาด
ยิ่งได้มานั่งอ่านเนื้อร้องจึงได้เข้าใจมากขึ้น คงเป็นเพราะเพลงนี้มันเกี่ยวกับฝน.. น้ำตา.. และช่วงชีวิตที่เหมือนอยู่ในทางที่มองไปไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดมิด

มีเพียง "ความคิดในสมอง" และ "หัวใจ" ที่มันบอกตัวเราเองอยู่ตลอดว่า ..เราคิดถึงใคร..

เค้าจะรู้ไหมนะ ว่าเราไม่เคยลืมเค้าได้เลย..
แทบจะทุกเวลา ในทุกๆ วัน จะต้องมีคำถามเกิดขึ้นในใจเสมอ
ทำอะไรอยู่นะ จะยุ่งอยู่ไหม จะเหงาหรือเปล่า จะคิดถึงเราบ้างไหมนะ

โดยเฉพาะก่อนนอน หลังจากปิดไฟ นอนหลับตา แล้วทิ้งน้ำหนักลงบนที่นอน ปล่อยตัวปล่อยใจให้พักผ่อน
ท่ามกลางความมืดและความเงียบ เค้าเป็นคนสุดท้ายที่เราคิดถึงจนหลับไป
คงไม่ผิดใช่ไหม ที่จะยังคงฝันถึงวันที่เราเคยนอนเคียงข้างกัน
กับประโยคคำถามที่ถามตัวเองอยู่ว่า เค้าจะยังรักเราอยู่ไหมนะ
คิดไปคิดมาจนหลับไปเอง..

ปลอบใจตัวเองด้วยประโยคที่ได้ยินมาว่า
..ไม่ต้องหนี ไม่ต้องไล่ตาม ถ้าเป็นรักแท้ เค้าจะมาหาเราเอง..