"ยโศโฆษาฆาต"
คำแปลกๆ ที่เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก มันช่างเป็นคำที่แสนจะยากจริงๆ ยากทั้งการสะกดและการพิมพ์
กว่าจะพิมพ์ได้ถูกต้องก็ต้องกด Backspace กลับไม่รู้กี่รอบ เพราะตัวอักษรแต่ละตัวล้วนแต่เป็นตัวอักษรที่ปกติไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่ (ไม่เชื่อลองจำ แล้วพิมพ์ดูสิ ถ้าพิมพ์รอบเดียวถูกหมดจะนับถือเลย แต่มีข้อแม้ว่าต้องพิมพ์ด้วยความเร็วปกติที่ใช้ในการพิมพ์ทั่วไปนะ ถ้าจิ้มดีดแต่ละตัวอันนี้ไม่นับ!!)
"ยโศโฆษาฆาต" หรือ ฆ่าเพื่อรักษาเกียรติยศของครอบครัว (Honour Killing)
เป็นข่าวขึ้นมาในหน้าหนังสือพิมพ์เนื่องจากพ่อคนนึงฆ่าลูกสาว 3 คน หลังจากที่ทราบว่าลูกสาวถูกสมุนของกัตดาพี่ข่มขืน
อะไรมันจะขนาดน้านน..น นะมนุษย์เรา..
การถูกหมิ่นเกียรติ เสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล (และของตัวเอง) มันมีค่ามากกว่าชีวิตลูกสาว 3 คนที่ตัวเองเป็นคนให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาจนโตอย่างนั้นหรือ แทนที่จะสงสารเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองที่ต้องเจ็บตัว เจ็บใจกับสิ่งเลวๆ เหล่านั้น กลับเชือดคอฆ่าทิ้งได้ลงคอ
"ศักดิ์ศรี" มันมีค่ามากกว่า "ชีวิต" อย่างนั้นเหรอ
มนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งมวลก็ตรงที่มีความคิดผิดชอบชั่วดี มีศีลธรรม แต่นี่ขนาดสัตว์มันยังไม่ฆ่าลูกตัวเองแล้วไฉนสัตว์ประเสริฐที่มีสมองใหญ่โตกลับทำอะไรแบบนี้ได้นะ เสื่อมจริงๆ
วันพุธ, สิงหาคม 31, 2554
วันพุธ, มิถุนายน 29, 2554
สงคราม "ชาเขียว"
หายไปนานสำหรับการปรากฏตัวในบล็อกนี้ (และบล็อกอื่นๆ เช่นกัน)
เอาล่ะ!! เอาเป็นว่ากลับมาครั้งนี้ก็มีความตั้งใจ (ณ ตอนนี้) ว่าจะคอนตินิวส์ชีวิตบนโลกออนไลน์ต่อไปเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าตอนนี้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เท่าที่ลองเช็คตัวเองดูมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากครั้งสุดท้ายที่เข้ามาอัปบล็อกเท่าไหร่นัก 555+
คงเหมือนที่เคยได้ยินมาล่ะมั๊งว่าพออายุมากขึ้นแล้ว ช่วงเวลา 1-2ปีไม่ matter เท่าไหร่ในแง่ความรู้สึกนึกคิด รวมถึงการต่อยอดจากข้อมูลที่มีอยู่ เพราะนับวันเรื่องราวที่มันเข้ามาในชีวิตส่วนมากก็จะ intersect กับสิ่งที่มีอยู่แล้ว การซ้อนทับกันของข้อมูลเดิมมันจะมีมากกว่าการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะภายใต้สิ่งแวดล้อมเดิมๆ
เอาล่ะเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้ขอมีสาระซักหน่อยละกัน..
ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตผู้ก่อตั้งชาเขียวเจ้าดังในประเทศไทย ที่สร้างชื่อให้กับ "ชาเขียว" และ "แบรนด์โออิชิ" จนที่รู้จักกันทั่วทั้งประเทศว่าเค้ากำลังทำชาเชียวภายใต้แบรนด์ใหม่อีกครั้ง
งง... เล็กน้อย
ด้วยความตกข่าวของตัวเองจึงไม่รู้ว่าเสี่ยตัน ท่านได้ขายกิจการเครือโออิชิทั้งหมดไปตั้งชาติกว่าแล้ว แต่ยังคงดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทที่เคยเป็นของตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่ไม่ได้ตามข่าวต่อว่าเป็นเพราะเค้ามีสัญญิง-สัญญาอะไรเกี่ยวกับการห้ามทำธุรกิจลักษณะเดิมในช่วงแรกที่ขายกิจการรึเปล่า (อันนี้เดาเอาจากสัญญาที่บริษัทมักจะทำเกี่ยวกับการจ้าง-การเลิกจ้างพนักงาน เพื่อไม่ให้เอาความลับไปขาย เอาไอเดียไปต่อยอด อะไรเทือกๆนี้อ่ะนะ)
กลับมาคราวนี้ ภายใต้บริษัท "ไม่ตัน" และชาเขียว "อิชิตัน" (ชื่อคล้ายเดิมโคตร) พร้อมกับขนาดที่ย่อมเยากว่าและราคาขายปลีก 16 บาท ดูเหมือนจะถูกกว่าเนอะ.. แม้จะไม่สามารถขึ้นอันดับหนึ่งได้ แต่ก็สามารถชิงส่วนการตลาดมาจากลูกคนโตอย่างชาเขียวโออิชิมาได้ไม่น้อย จนทำให้โออิชิต้องลดราคาลงมาสู้ที่ 16 บาทเท่ากัน!! (แต่ปริมาณมากกว่านิดนึง)
ดูเหมือนว่าการแก้เกมส์ของโออิชิจะทำให้อิชิตันต้องสะดุดอีกครั้ง แต่ "เสี่ยตัน" ผู้ไม่ตัน ก็มีข้อเสนอใหม่ๆ มาให้ผู้เสพย์ชาเขียวได้อีก ด้วยการใช้กลยุทธ์ขายพ่วงที่โด่งดังมากๆ ในวงการเบียร์ “ดับเบิ้ลดริ้งค์+อิชิตันกรีนที” สองขวดเพียง 21 บาท เท่ากับว่าซื้อดับเบิ้ลดริงค์ 20 บาท เพิ่มเงิน 1 บาทได้ชาเขียวอิชิตัน 1 ขวด!! ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าน้ำชาเขียวนี่มันขายเกินทุนอย่างมากกก...ก ถึงขนาดเอามาลดแลกแจกแถมได้ขนาดนี้ เพราะจะมองว่าเสี่ยตันดัมพ์ราคาฆ่าตัวตายก็คงไม่น่าใช่ เพราะนักมาร์เก็ตติ้งตัวพ่อของเมืองไทยคงไม่ทำอะไรสิ้นคิดเป็นแน่แท้ การที่เค้าทำได้ขนาดนี้ก็แสดงว่าต้นทุนมันสู้ได้จริงๆ
ช็อตต่อไปก็คงต้องมาดูกันว่าโออิชิจะมีวิธีการแก้เกมส์อย่างไรต่อไป หากลงมาเล่นสงครามราคากันอย่างนี้คงมีแต่ลดกำไรกันและกัน มีแต่จะพากันเจ็บซะเปล่าๆ แม้ว่ารายใหญ่จะเจ็บน้อยหน่อยตามประสา economy of scale ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำกว่ารวมทั้งน่าจะมีสายป่านที่ยาวกว่าในการต่อกรกับ supplier เจ้าต่างๆ
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ช่วงนี้ผลดีก็คงตกอยู่กับผู้บริโภคตาดำๆ อย่างเราที่วันนี้คงได้กินชาเขียวในราคาที่สมเหตุสมผลกว่าแต่ก่อนแม้ว่ามันยังแพงล่ะถ้าเทียบกับต้นทุน 55+ แต่ในเมื่อกินมาได้ตั้งนาน ก็อย่าไม่คิดกระนั้นเลยจริงมะ
แต่ลองอ่าน tweet ข้างล่างนี่ดูละกัน เป็นเหตุผลจากชาว CYBER ที่มีต่อเกมส์การตลาดครั้งนี้ หลายๆ คนวิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว ไม่รู้ว่าจะมีนักการตลาดตัวจริงแฝงอยู่บ้างไหมนะ
เอาล่ะ!! เอาเป็นว่ากลับมาครั้งนี้ก็มีความตั้งใจ (ณ ตอนนี้) ว่าจะคอนตินิวส์ชีวิตบนโลกออนไลน์ต่อไปเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าตอนนี้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เท่าที่ลองเช็คตัวเองดูมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากครั้งสุดท้ายที่เข้ามาอัปบล็อกเท่าไหร่นัก 555+
คงเหมือนที่เคยได้ยินมาล่ะมั๊งว่าพออายุมากขึ้นแล้ว ช่วงเวลา 1-2ปีไม่ matter เท่าไหร่ในแง่ความรู้สึกนึกคิด รวมถึงการต่อยอดจากข้อมูลที่มีอยู่ เพราะนับวันเรื่องราวที่มันเข้ามาในชีวิตส่วนมากก็จะ intersect กับสิ่งที่มีอยู่แล้ว การซ้อนทับกันของข้อมูลเดิมมันจะมีมากกว่าการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะภายใต้สิ่งแวดล้อมเดิมๆ
เอาล่ะเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้ขอมีสาระซักหน่อยละกัน..
ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตผู้ก่อตั้งชาเขียวเจ้าดังในประเทศไทย ที่สร้างชื่อให้กับ "ชาเขียว" และ "แบรนด์โออิชิ" จนที่รู้จักกันทั่วทั้งประเทศว่าเค้ากำลังทำชาเชียวภายใต้แบรนด์ใหม่อีกครั้ง
งง... เล็กน้อย
ด้วยความตกข่าวของตัวเองจึงไม่รู้ว่าเสี่ยตัน ท่านได้ขายกิจการเครือโออิชิทั้งหมดไปตั้งชาติกว่าแล้ว แต่ยังคงดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทที่เคยเป็นของตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่ไม่ได้ตามข่าวต่อว่าเป็นเพราะเค้ามีสัญญิง-สัญญาอะไรเกี่ยวกับการห้ามทำธุรกิจลักษณะเดิมในช่วงแรกที่ขายกิจการรึเปล่า (อันนี้เดาเอาจากสัญญาที่บริษัทมักจะทำเกี่ยวกับการจ้าง-การเลิกจ้างพนักงาน เพื่อไม่ให้เอาความลับไปขาย เอาไอเดียไปต่อยอด อะไรเทือกๆนี้อ่ะนะ)
กลับมาคราวนี้ ภายใต้บริษัท "ไม่ตัน" และชาเขียว "อิชิตัน" (ชื่อคล้ายเดิมโคตร) พร้อมกับขนาดที่ย่อมเยากว่าและราคาขายปลีก 16 บาท ดูเหมือนจะถูกกว่าเนอะ.. แม้จะไม่สามารถขึ้นอันดับหนึ่งได้ แต่ก็สามารถชิงส่วนการตลาดมาจากลูกคนโตอย่างชาเขียวโออิชิมาได้ไม่น้อย จนทำให้โออิชิต้องลดราคาลงมาสู้ที่ 16 บาทเท่ากัน!! (แต่ปริมาณมากกว่านิดนึง)
ดูเหมือนว่าการแก้เกมส์ของโออิชิจะทำให้อิชิตันต้องสะดุดอีกครั้ง แต่ "เสี่ยตัน" ผู้ไม่ตัน ก็มีข้อเสนอใหม่ๆ มาให้ผู้เสพย์ชาเขียวได้อีก ด้วยการใช้กลยุทธ์ขายพ่วงที่โด่งดังมากๆ ในวงการเบียร์ “ดับเบิ้ลดริ้งค์+อิชิตันกรีนที” สองขวดเพียง 21 บาท เท่ากับว่าซื้อดับเบิ้ลดริงค์ 20 บาท เพิ่มเงิน 1 บาทได้ชาเขียวอิชิตัน 1 ขวด!! ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าน้ำชาเขียวนี่มันขายเกินทุนอย่างมากกก...ก ถึงขนาดเอามาลดแลกแจกแถมได้ขนาดนี้ เพราะจะมองว่าเสี่ยตันดัมพ์ราคาฆ่าตัวตายก็คงไม่น่าใช่ เพราะนักมาร์เก็ตติ้งตัวพ่อของเมืองไทยคงไม่ทำอะไรสิ้นคิดเป็นแน่แท้ การที่เค้าทำได้ขนาดนี้ก็แสดงว่าต้นทุนมันสู้ได้จริงๆ
ช็อตต่อไปก็คงต้องมาดูกันว่าโออิชิจะมีวิธีการแก้เกมส์อย่างไรต่อไป หากลงมาเล่นสงครามราคากันอย่างนี้คงมีแต่ลดกำไรกันและกัน มีแต่จะพากันเจ็บซะเปล่าๆ แม้ว่ารายใหญ่จะเจ็บน้อยหน่อยตามประสา economy of scale ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำกว่ารวมทั้งน่าจะมีสายป่านที่ยาวกว่าในการต่อกรกับ supplier เจ้าต่างๆ
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ช่วงนี้ผลดีก็คงตกอยู่กับผู้บริโภคตาดำๆ อย่างเราที่วันนี้คงได้กินชาเขียวในราคาที่สมเหตุสมผลกว่าแต่ก่อนแม้ว่ามันยังแพงล่ะถ้าเทียบกับต้นทุน 55+ แต่ในเมื่อกินมาได้ตั้งนาน ก็อย่าไม่คิดกระนั้นเลยจริงมะ
แต่ลองอ่าน tweet ข้างล่างนี่ดูละกัน เป็นเหตุผลจากชาว CYBER ที่มีต่อเกมส์การตลาดครั้งนี้ หลายๆ คนวิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว ไม่รู้ว่าจะมีนักการตลาดตัวจริงแฝงอยู่บ้างไหมนะ
--------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่ทำให้ ichitan ปล่อยที่ขวดละ 16 บาทได้ เพราะมันแค่ 420 ml. ไงล่ะ! ในขณะที่ oishi ทุกขวด มัน 500 ml.
ถ้าเทียบราคากันแล้ว เงิน 1 บาท จะได้ชาเขียว oishi 25 ml. และเงินเท่ากันจะได้ชาเขียว ichitan 26.25 ml. นั่นคือที่จริงมันถูกกว่ากันนิดเดียวเอง
ทำไม ichitan ถึงเลือกราคา 16 บาท และทำไมถึงเลือกปริมาตร 420 ml.? ง่ายนิดเดียว ถ้าสู้กันด้วย product มันก็ยังไม่เยอะพอที่จะเอาชนะ oishi ได้
ถ้าวัดตามสเกล 20 ml ที่เพิ่มขึ้นมาอาจจะไม่ได้เป็นจำนวนที่มากเท่าไรนัก แต่ถ้าวัดจากความรู้สึกของผู้บริโภค มันเป็นความคุ้มค่าที่เยอะพอดู
การตั้งราคา 16 บาท ก็เพื่อ challenge เรื่องราคากับเจ้าตลาด และ 420 ml ก็เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าที่ aware เรื่องราคาต่อหน่วย
และเสี่ยตันคงคาดการณ์ไว้แล้ว ว่า oishi จะต้องลงมาเล่น price war แน่นอน ไม่สิ มันอาจจะเป็นหลุมพรางที่เสี่ยตันขุดบ่อล่อปลาเลยก็ได้
เพราะข้อจำกัดด้านต้นทุน oishi จึงไม่สามารถลดราคาลงมาได้มากนักอย่างแน่นอน ถ้าทาง oishi ลดราคาลงมาสู้ (ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว) ichitan ก็แค่ลดอีกบาท
ล่าสุด ผมเห็น ichitan ปล่อยโปรโมชัน ซื้อสองขวด ลดเหลือ 30 บาท ที่ tesco lotus express (ยังไม่ได้ไปเช็กที่ 7-eleven แต่ก็น่าจะมี)
อย่างไรก็ตาม ichitan และเสี่ยตัน ยังเสียเปรียบคู่แข่งเรื่องการกระจายสินค้า ไม่ใช่ทุกคนที่จะเดินเข้า convenience store เป็นอาจิณ
ศึกชาเขียวชิงตู้เย็นครั้งนี้คงอีกยาวนาน สุดท้าย คงกลับไปวัดกันที่ product ว่าใครจะทำได้ถูกใจผู้บริโภคกว่ากัน สรุปแล้ว พวกเราคือผู้ตัดสินครับ
เรื่อง ichitan vs oishi อยากให้อ่านซีรีส์บล็อกนี้ครับ http://bit.ly/ijw1br สนุก น่าสนใจ และน่าติดตามมากๆ (ขอบคุณ @oxygenyoyo ผู้แนะนำ)
และ http://shellingz.wordpress.com/2011/05/31/green-tea-war-oishi-vs-ichitan/ ผู้รวบรวมมาให้เราอีกที
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)