คิดไม่เหมือนกันอีกแล้วสินะ แล้วก็อย่างนี้ทุกที พอคนนึงพูดไม่ถูกหู อีกคนนึงก็จะไม่พอใจ แล้วก็จะเงียบ ไม่ก็ถอนหายใจ..เฮือก..ก ต่อด้วยเสียงที่แสดงความไม่สบอารมณ์
แม้เราจะไม่เคยโวยวายใส่กันแรงๆ แต่การสนทนาก็จบลงลงด้วยความรู้สึกเป็นลบในใจทั้งคู่
ความรู้สึกต่อจากนั้นของเค้าเราก็ไม่รู้แล้ว แต่ของตัวเองน่ะมันวูบไปหมดเลย รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่มีมันหายไป แม้แต่จะกระดิกนิ้วก็ไม่อยากทำ คนเรานี่จิตใจเป็นส่วนที่อ่อนไหว แต่ก็ทรงพลังที่สุดจริงๆ
ในมุมมองของเรา "แฟน" หรือ "คนรัก" ก็คือคนที่เป็นอีกส่วนหนึ่งของเรา แล้วมันผิืดด้วยเหรอที่อยากอยู่ใกล้คนที่เรารักน่ะ??
รึว่ามันเป็นความแตกต่างของคนต่างเพศ "หญิง" และ "ชาย"
ที่เค้าว่ากันว่า Women from Mars & Men from Venus คงเป็นคำพูดที่ถูกต้องแล้ว
เมื่อมาจากดาวคนละดวงกัน ความคิดและความต้องการก็ไม่เหมือนกันเป็นธรรมดาใช่ไหม...
ผู้หญิง ต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้าง เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็มงชีวิตที่ขาดหายให้สมบูรณ์
ต่างคนต่างก็คิดคล้ายๆ กันว่าอยากอยู่ใกล้ๆ กับคนรัก จึงให้ความสำคัญกับรายละเอียด ใส่ใจในความเป็นไป ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
แล้วผู้ชายล่ะต้องการอะไรจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เค้าบอกว่ารัก นอกจากให้ผู้หญิงคนนั้นซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และสามารถดูแลตัวเองได้ปลอดภัย
คิดย้อนไปถึงอดีต.. วันที่อิสระเป็นสิ่งหอมหวานเหลือเกินกับชีวิตที่ผูกติดกันจนแยกไม่ออก การที่ต้องทำอะไรด้วยกันตลอดตั้งแต่ตื่นจนกระทั่งเข้านอนจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดว่าัตัวเองเหงา ยอมรับว่าในวันนั้นไม่เคยคิดเลยว่าการอยู่คนเดียวให้ความรู้สึกเป็นอย่างไร เพราะใจมันคิดแต่อยากจะมีเวลาเป็นของตัวเอง ต้องการที่จะมีเพื่อน มีสังคมกับคนอื่นๆ บ้าง
พอมาถึงวันนี้กับวันที่ชีิวิตไม่มีใครตีกรอบ อิสระที่โหยหานั้นมีอยู่รายรอบจนบางครั้งกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอากาศที่ว่างเปล่าไม่มีความสำคัญสำหรับใคร ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดในใจทั้งที่มันควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด แต่ความรู้สึกเกร็ง กังวล ทำให้ไม่มีความมั่นใจเลยว่าตัวเองควรจะทำตัวอย่างไร
เราความจะมีความสุขมากไม่ใช่เหรอ ??
ในเมื่อวันนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่เราเคยคิดว่าดีที่สุดสำหรับเราแ้ล้วในวันนั้น แต่เพราะอะไรกันนะ เราถึงรู้สึกเหงา เสียใจ และอ้างว้างอย่างนี้
น้ำตายังคงซึมแต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน....
หรือว่าเป็นเพราะ เค้า หรือ เรา ที่เปลี่ยนไป..
วันจันทร์, กรกฎาคม 20, 2552
วันจันทร์, กรกฎาคม 13, 2552
ว่าด้วยกะเพรา โหระพา และใบแมงลัก
เป็นคนที่มีปัญหากะเจ้าพืชใบเขียว 3 ตัวเนี่ยมาตั้งแต่นมนานกาเล แล้วก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแยกมันออกได้เลยสักครั้ง
ทั้งที่ตั้งใจจ้องมันและท่องๆๆ เอาไว้หลายต่อหลายครั้ง แต่แล้วเพียงข้ามวันก็ลืมอีกจนได้
จะบอกว่าไม่ใส่ใจก็คงไม่ใช่ เราว่ามัน "ไม่มีหัวทางนี้" มากกว่าล่ะมั๊ง
โดยนิสัยแต่อ้อนแต่ออก ไอ้เรื่องทำกับข้าวเนี่ยไม่เข้าทางเอาเสียเลย
เพราะงั้น ไอ้เรื่องจะมานั่งมองส่วนประกอบอาหาร ก็คงไม่แปลกที่เอาดีทางนี้ไม่ได้ 55+
หรือแม้จะเป็นเรื่องต้นไม้ใบหญ้าก็เหอะ ไม่ว่ามันจะเป็นต้นอะไร ก็รู้จักมันในนาม "ต้นไม้" และ "ดอกไม้"
ดีหน่อยก็สามารถจัดมันได้ว่าเป็น category "ผัก" หรือว่า "พืช" แค่นั้นแหละ
และแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีเรื่องให้อายจนได้ เพราะเจ้าพืช 3 ชนิดที่ว่านี่แหละ -_-"
หลังจากได้รับคำไหว้วาน (ที่จริงก็ไม่ได้ไหว้หรอก แค่บอกว่าแวะซื้อให้หน่อยเท่านั้นแหละ) ให้แวะซื้อวัตถุดิบสำหรับอาหารเย็นให้หน่อย..
ทั้งที่ตั้งใจจ้องมันและท่องๆๆ เอาไว้หลายต่อหลายครั้ง แต่แล้วเพียงข้ามวันก็ลืมอีกจนได้
จะบอกว่าไม่ใส่ใจก็คงไม่ใช่ เราว่ามัน "ไม่มีหัวทางนี้" มากกว่าล่ะมั๊ง
โดยนิสัยแต่อ้อนแต่ออก ไอ้เรื่องทำกับข้าวเนี่ยไม่เข้าทางเอาเสียเลย
เพราะงั้น ไอ้เรื่องจะมานั่งมองส่วนประกอบอาหาร ก็คงไม่แปลกที่เอาดีทางนี้ไม่ได้ 55+
หรือแม้จะเป็นเรื่องต้นไม้ใบหญ้าก็เหอะ ไม่ว่ามันจะเป็นต้นอะไร ก็รู้จักมันในนาม "ต้นไม้" และ "ดอกไม้"
ดีหน่อยก็สามารถจัดมันได้ว่าเป็น category "ผัก" หรือว่า "พืช" แค่นั้นแหละ
และแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีเรื่องให้อายจนได้ เพราะเจ้าพืช 3 ชนิดที่ว่านี่แหละ -_-"
หลังจากได้รับคำไหว้วาน (ที่จริงก็ไม่ได้ไหว้หรอก แค่บอกว่าแวะซื้อให้หน่อยเท่านั้นแหละ) ให้แวะซื้อวัตถุดิบสำหรับอาหารเย็นให้หน่อย..
"คิดว่าจะทำผัดกะเพรา เพราะงั้น ซื้อ กะเพรา, หมูสับ และเห็ด นะครับ"
"ได้ค่ะ"
....ปรื๊ด..ด...
(Fast Forward เพื่อไม่ให้เสียเวลา)
...ถึงตลาดละ เหลียวซ้ายแลขวา นั่นไง!! แผงขายผัก
"กะเพราอยู่ไหนคะ"
"ทางโน้นเลยค่ะ ข้างๆ โหระพา"
~~แม่เจ้า..ผักเรียงเป็นกองทัพ เขียวอี๋เต็มไปหมด แล้วไหนวะ กะเพรากะโหระพาของเจ๊แกสงสัยไอ้นั่นล่ะมั๊ง ใบคุ้นๆ เหมือนเคยกิน
ไม่คิดมากละ หยิบเสร็จคิดตังค์แล้วก็บึ่งกลับบ้าน ร้อนเหลือเกิน!!
ถึงบ้านปุ๊ปวางของลงบนโต๊ะก็ได้ยินว่าหลอดไฟเสีย
เออ... เปลี่ยนเองก็ได้วะ ลากเก้าอี้ไม้แสนหนักไปหลังบ้านแล้วก็ขึ้นไปยืนหมุนน็อตออกเรียบร้อย ดึงขั้วหลอดไฟออกจากหลอดเก่า...แกร๊บบบ.. ฉิบ.. เสียง'ไรวะ??
จับอีกทีพลาสติกครอบ starter หลุดติดมือออกมา เอาน่า..ยังพอไหว ยืนเหงื่อแตกซิ่กพยายามจะยัดขั้วต่อเข้ากับหลอดไฟต่อไป
กริ๊ง~ง เสียงขั้วทองแดงที่ติดกับขั้ว starter หล่นลงพื้น ..โอเค..จบ ไม่เปลี่ยนมันแล้วเว๊ย พังเรียบร้อย เหอๆๆ
นั่งปาดเหงื่ออีกพัก แล้วลงมือเตรียมอาหาร (มั่วๆ ไปงั้นแหละ มันน่าจะทำงี้นี่หว่า)
((((เข้าสู่กระบวนการ "ล้าง-เด็ด-หั่น"))))
สักพักพ่อครัวมาถึง เดินมาดูปุ๊ป เฮ้ยย..ย นี่มัน "โห-ระ-พา" ไม่ใช่ "กะ-เพรา" หนิครับ
พูดเสร็จก็หันมายิ้ม แล้วก็ปล่อยก๊าก ก็รู้แหละว่าหยุดไม่อยู่แล้วจริงๆ (..เสียมารยาทชะมัดเลยตาอ้วนนี่!!)
เออ.. เอากะเค้าจิ ก็รู้อยู่แล้วว่าทำกับข้าวไม่เป็น แยกผักยังไม่ออกเลย มาหัวเราะทำไมอ่ะ ฮือๆๆๆๆ
สรุป!! เปลี่ยนแผน จากผัดกะเพรา กลายเป็น หมูสับผัดพริกเผา ไปซะงั้น
แม้จะเค็มไปนิด แต่ก็อร่อยดี อิอิ
แม้ว่ามันจะเป็นมื้อเย็นที่ทุลักทุเลไปสักหน่อย
แต่มันก็มีอะไรให้ชื่นใจ ตอนที่แม่ถามว่า ไปฮ่องกงมาประทับใจอะไรที่สุด แล้วได้ยินคำตอบที่ว่า "ประทับใจคนไปด้วยที่สุดครับ"
เหอะๆๆ ถึงแม้ว่าจะแกล้งพูด แต่มันก็แฮปปี้ที่ได้ยินนะ 55+
~~น้ำเน่าอย่างนี้แหละน่ารัก~~
ปล.
เอาผักสามชนิดมาให้ศึกษา!!!

กะเพรา "Basil" (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum sanctum) เป็นไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขา สูง 30 - 60 ซม. ลำต้นค่อนข้างแข็ง ตามลำต้นมีขน ใบ เป็นใบเดี่ยวการเกาะติดของใบบนกิ่งแบบตรงข้ามสลับตั้งฉาก เรียงตรงข้าม รูปรี กว้าง 1-3 วม. ยาว 2.5-5 ซม.
ใบ ปลายแหลมหรือมน โคนแหลม ขอบจักฟันเลื่อยและเป็นคลื่น แผ่นใบมีขน ดอกเป็นแบบช่อฉัตร ออกบริเวณปลายยอดและปลายกิ่ง ยาว 8-10 ซม. ดอกย่อยมีขนาดเล็ก รูปคล้ายระฆัง กลีบดอกมีทั้งชนิดสีขาวลายม่วงแดงและสีขาว โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นกรวย ส่วนปลายแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนบนแยกเป็น 4 กลีบปลายแหลมเรียว ส่วนล่างมีกลีบเดียวค่อนข้างกลม ผิวกลีบด้านในเกลี้ยง ด้านนอกมีขนตามโคนกลีบ กลีบเลี้ยงสีแดงน้ำตาลแกมม่วง และสีเขียว เนื้อกลีบแข็ง ส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นกรวย ส่วนปลายแยกเป็นกลีบปลายแหลมแบบหนาม ก้านดอกย่อยสีเขียว ยาวประมาณ 0.20 - 0.30 ซม.
ผล แห้งแล้วแตกออก เมล็ด เล็ก รูปไข่สีน้ำตาล มีจุดสีเข้มเมื่อนำไปแช่น้ำเปลือกหุ้มเมล็ดพองออกเป็นเมือก

โหระพา "Sweet Basil" (ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum basilicum Linn.) เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม กิ่งอ่อนสีม่วงแดง ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 4-6 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ขอบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ ดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ยาว 7-12 เซนติเมตร ใบประดับสีเขียวอมม่วงจะคงอยู่เมื่อเป็นผล กลีบดอกโคยเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน เกสรตัวผู้ 4 อัน ผล ขนาดเล็ก
แมงลัก "Lemon Basil" (ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum × citriodourum) เป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพรา-โหระพา แมงลักมีใบเล็ก สีอ่อน บอบบาง ช้ำง่ายและเหี่ยวง่ายกว่า ชื่อสามัญเดิมเรียกกันว่า hoary basil (hoary แปลว่าผมหงอก) โดยนำมาจากลักษณะที่มีขนอ่อนสีขาวๆ บริเวณก้านใบและยอดอ่อน ต่อมาก็เปลี่ยนมาเรียกว่า lemon basil ตามลักษณะกลิ่นที่คล้ายส้ม-มะนาว ใบมีกลิ่นฉุน ใช้ประกอบอาหารเช่นเดียวกับกระเพราและโหระพา

สะระแหน่ "Lemon balm" เป็นพืชสมุนไพรยืนต้น ตระกูลมิ้นต์ วงศ์กะเพรา พืชล้มลุก อายุหลายปี สูง 0.3-0.9 เมตร ลำต้นกิ่งก้านเป็นเหลี่ยม สีม่วงหรือแดงเข้ม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือวงรี ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอกสีขาว ออกที่ปลายยอด ผลแห้ง มี 4 ผลย่อย เมล็ดเล็กเท่าเมล็ดงา สีน้ำตาลเข้ม เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงประมาณ 70 - 150 เซนติเมตร ส่วนใบมีกลิ่นหอมคล้ายใบมะนาว ออกดอกสีขาวๆที่เต็มไปด้วยน้ำหอม,น้ำหวาน อยู่ภายใน นี้ดึงดูดใจให้ผึ้งมาดูดน้ำหวานและจากเหตุนี้ทำให้สะระแหน่อยู่ในสกุล Melissa (ภาษากรีก แปลว่า "น้ำผึ้ง") และยังมีรสชาติคล้ายคลึงกับ ตะไคร้หอม มะนาว และแอลกอฮอล์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)