วันอังคาร, กันยายน 02, 2551

ข่าวดี หรือ ข่าวร้าย ดีฟะ!!!

เมื่อวานครบสองอาทิตย์แล้วกับการหูเดี้ยงเป็นครั้งที่สอง ก็เลยไปพบหมอตามนัดแต่คราวนี้ได้พบหมอคนใหม่เนื่องจากคนเดิมไม่มา ซึ่งที่จริงก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะว่าหมอคนนี้ไม่มา แต่ก็จะไปอ่ะหาคนอื่นก็ได้ 555 (ที่จริงอยากเปลี่ยนหมออยู่แล้วล่ะ เพราะอะไรเดี๋ยวรู้)

หลังจากนั่งรอจนเหงื่อแห้งและใกล้ๆ จะเคลิ้มหลับ ก็ได้เวลาเข้าไปพบหมอ นั่งปุ๊ปหมอก็เอาอุปกรณ์สีดำที่น่าจะเป็นกรวยพลาสติกใส่เข้าไปในหูแล้วก็ส่องดู ก่อนจะเอาเครื่องดูดเสียงดัง จิ้มๆ ดูดๆ จนมึนหัวไปหมด

พอวางเครื่องมือแล้วหันมาบอกว่า ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ (เอาแล้วสิกรู...เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย)
แผลแห้งขึ้นนะ (อ้าวก็ดีแล้วหนิ แล้วไม่ดียังไง)
แต่เยื่อแก้วหูที่ทะลุน่ะมันใหญ่พอสมควร (อ้าวเหรอ ไหนหมอคนก่อนบอกว่าไม่เท่าไหร่ ยังพอหายเองได้ไง)
เป็นมานานหรือยัง (ก็หลายเดือนแล้วนะ แต่จำไม่ได้) แล้วก็เปิดแฟ้มดู ตั้งแต่มีนาคมเหรอ อืมมม 6 เดือนแล้วนี่ครึ่งปีแล้วคงต้องบอกว่ามันคงกลับมาหายเองไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องผ่าตัดซ่อมแซมเยื่อแก้วหู

(((((ฮะ... อะไรนะ ผ่าตัดเหรอ)))))

ผ่ายังไงเหรอคะ ไม่เคยมีข้อมูลเรื่องนี้ พอจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ได้ไหม
หมอหันกลับไปหยิบชาร์ตภาพมาให้ดูแล้วก็อธิบาย บลาๆๆๆๆ

วิธีการ..
สรุป คร่าวๆ ก็คือ ต้องผ่าไปที่หลังหู เพื่อตัดเอาเนื้อเยื่อบางๆ จากเนื้อส่วนอื่น มาแปะระหว่างกลางชั้นเยื่อแก้วหูสองชั้น คล้ายๆ การอัดสตรีมล่ะมั๊ง

ความเสี่ยง..
เรื่องหูตูบ เอ้ย หูดับ แบบว่าเดี้ยงไปเลย โอกาสไม่มากเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ไปแตะต้องหูชั้นใน ส่วนมากผ่าแล้วเปอร์เซ็นต์การได้ยินจะมากขึ้น และเสียงวิ้งๆๆๆ จะหายไป หรือน้อยลงส่วนผ่าแล้วจะทำให้การได้ยินดีขึ้นมากหรือน้อย ต้องวัดการได้ยินก่อนถึงจะพอประมาณได้

งั้นหมอจะส่งไปตรวจนะ

ค่ะ แล้วก็รับแฟ้มพร้อมใบสั่งตรวจ เดินงงๆ ไปห้องตรวจการได้ยินหลัง

วิธีการตรวจ
จับเข้าไปนั่งในตู้กระจก ในห้องที่คล้ายกับห้องเรดิโอ มีสาวนางนึงเอาหูฟัง กะ อุปกรณ์แปลกๆ มาหนีบหัว แล้วบอกว่าถ้าได้ยินให้ยกมือขึ้นทุกครั้ง แล้วก็เปิดเสียงปิ๊ด ปี๊ด ตรู๊ดดด ประหลาดๆ ให้ฟังแล้วก็มีการอ่านคำสั้นๆ ให้ฟังแล้วพูดตามที่ได้ยิน สักพักก็ออกมานั่งรอผล เอาไปให้หมออีกที

ผลตรวจ
หมอดูผลตรวจแล้วก็วางกระดาษให้ดู
ซึ่งดูแล้วก็งงๆ อะไรวะเนี่ย อย่างกะกราฟยังไม่ได้ต่อจุด มีสีน้ำเงิน กะ สีแดง
หมอมองตามพักนึง (แล้วคงคิดได้ว่ามันไม่เข้าใจแน่ๆ 555)แล้วก็อธิบายว่า นี่กราฟของหูขวา สีแดงของหูซ้าย (กราฟประหลาด มีขึ้นมีตกทะแม่งๆ แต่ที่แน่ๆ เส้นอยู่ต่ำกว่าหูขวาแน่นอน)ถ้าทำได้ดีที่สุดก็คงเท่ากับที่หูขวาได้ยิน ซึ่งก็โอเคนะ อยู่ในเรนจ์ปกติ(ทำหน้างงๆๆ ไม่เข้าใจจริงๆ อ่ะ)

ไม่เก็ทอ่ะค่ะ???

หมอก็เลยอธิบายต่อ คนเราปกติจะเริ่มได้ยินเสียงที่ประมาณ 20 เดซิเบล แต่เห็นไหมว่าข้างซ้ายมันอยู่ที่ประมาณ 35 เดซิเบล ถ้ารักษาแล้วก็คงได้ยินเสียงกระซิบได้น่ะเพราะตอนนี้คงไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ก็ใช่อ่ะค่ะ มันมีเสียงวิ้งๆๆ ตลอดเวลาเลยนี่ มันรบกวนการได้ยินปกติอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเสียงเบาๆ นี่ถูกวิ้งกลืนแน่ๆ

เดี๋ยวหมอให้กลับไปหยดยาตัวเดิมอีกสักอาทิตย์นึง แล้วประมาณ 1 เดือนนัดมาดูอีกที ถ้าแผลแห้งแล้วค่อยว่ากันว่าจะทำยังไงต่อไป เคยดูอยู่กับหมอคนไหนเอ่อ... หมอ... ค่ะ แต่ถ้าจะให้หมอดูแลต่อได้ไหมคะก็แล้วแต่ครับ.. อืม สะดวกวันไหนล่ะ เสาร์-อาทิตย์

นัดเสร็จเรียบร้อย เสาร์ 27 สิบโมงเดี๋ยวรู้กัน!!

ก็โอเคค่ะ

เสียค่าตรวจเบ็ดเสร็จ 750 บาท เบิกได้ 700 จ่ายเอง 50 บาท กลับบ้านมาพร้อมกับความรู้สึกลอยๆ นี่ต้องเข้าโรงบาลอีกแล้วเหรอเรา

ดีใจอยู่อย่างที่เปลี่ยนหมอ

แหม...ม..ม ก็หมอคนเดิมน่ะ แสดงถึงความไม่ใส่ใจโลกให้เห็นก็เลยทำให้ขยาดๆ ไม่มั่นใจว่าแกจะไม่ใส่ใจเราด้วยหรือเปล่าน่ะสิ

เรื่องมีอยู่ว่าเราไปขอให้หมอสั่งน้ำเกลือ NSS ขวดเล็กให้ ก็กะว่าใช้ไม่เยอะอยู่แล้วก็เลยบอกว่าขวดเล็กก็พอค่ะ ใจก็คิดว่าหมอคงสั่งขวดเล็กแค่ 100 ml ให้ เพราะหมอคนไหนก็สั่งให้มาเป็น size นี้เป็นประจำ คงไม่แปลกอะไรถ้าจะเอามาล้างแผลที่หู พอได้ยินว่าขอน้ำเกลือ หมอก็ถามแบบงงๆ ใช้เยอะขนาดนั้นเลยหรือ?? แต่ก็สั่งให้ไม่ได้ว่าอะไรไอ้เราก็ไม่ได้ดูว่าหมอเขียนอะไรยังไง แต่พอไปเบิกยา เภสัชกรบอกว่า 500ml ไม่มี เอาขวด 1,000ml ไปแทนนะคะรับยามาถึงกะอึ้ง เฮ้ย! ขอมาล้างแผล ไม่ได้เอามาสระผมนะ ให้มาตั้งลิตรนึง มิน่าล่ะหมอถึงได้ถามว่าใช้เยอะขนาดนั้นเลยหรือ
ตกลงหมอไม่รู้ใช่ม๊ะว่าเค้ามีขวดเล็กด้วยเนี่ย เฮ้อ..

จนถึงวันนี้ไอ้ NSS ขวดนั้นมันก็ยังตั้งอยู่ที่บ้าน ไม่กล้าเปิดใช้เพราะมันเยอะเกินกว่าที่จะใช้ให้หมดใน 1 อาทิตย์น่ะสิ

แล้วพอถึงเวลาไปหาหมอตามนัด 1 สัปดาห์ หมอก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว หากมีอาการอะไรก็มาหาหมอละกัน เฮ่อๆๆๆ ไม่แนะนำเลยนะ ว่าควรมาตรวจอีกตอนไหน แล้วระวังอะไรบ้าง

ไม่มีความคิดเห็น: